ปราจีนบุรี – ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานสวดพระอภิธรรมศพ จเรตำรวจ ภรรยาเผยสามีถูกกดดัน
เมื่อวันที่ 14 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผวจ.ปราจีนบุรี เป็นประธานสวดพระอภิธรรมศพ อดีต จเรตำรวจ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อดีตจเรตำรวจ ใช้อาวุธปืน ยิง นายวิจัย สุขรมย์ และนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ คู่กรณี และนายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนาย ใช้อาวุธปืนยิงใส่ พล.ต.ต.ธารินทร์ จนเสียชีวิต ในห้องพิจารณาคดีศาลจังหวัดจันทบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ สาเหตุเกิดจากปัญหาเรื่องที่ดิน จำนวน 3,800 ไร่ ซึ่งมีการฟ้องร้องกันมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี หลังจากในช่วงค่ำวันที่ 13 พ.ย.62 ญาติพี่ ๆได้นำศพ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ มาบำเพ็ญกุศล ณ วัดหลวงปรีชากูล อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
ทั้งนี้ โดยมีญาติพร้อมเพื่อนบ้านไปร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลศพเป็นคืนแรก บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งทางญาติได้กำหนดการบำเพ็ญกุศลฌาปนกิจ พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ ตั้งแต่วันที่ 13-15 พ.ย.62 และในวันเสาร์ที่ 16 พ.ย.62 เวลา 16.00 น. จะมีพิธีฌาปนกิจศพ(ประชุมเพลิง)
ข่าวน่าสนใจ:
นางสาวเขมจิรา บัณฑูรนิพิท อดีตภรรยาของ พล.ต.ต. ธารินทร์ จันทราทิพย์ กล่าวถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ว่าน่าจะเกิดความเครียดสะสมมาเป็นเวลา 8 ปี พยายามจะพิสูจน์ความจริงเรื่องที่ดินพิพาท ปัญหาหลักฐานทางราชการต่าง ๆ ที่ค้นหาและตรวจสอบได้มาภายหลังเป็นเพราะมูลเหตุที่พี่เขาถูกฟ้องด้วย จึงต้องพยายามหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ คดีแรกที่มีการเอาที่ดินไปเกิดจากแถลงเท็จข้อมูลทายาท ที่จริงทายาทมี 6 คน แต่เหลือ 3 คน คุณแม่ของดิฉันเป็นลูก 1 ใน 6 คน จึงขอให้พี่ธารินทร์มาช่วย
“ตอนแรกคิดว่าการพิสูจน์ทายาทไม่น่าจะยาก จึงฟ้องคดีแพ่งให้เพิกถอนคำพิพากษา ซึ่งแถลงเท็จต่อศาลว่า มีทายาท 3 คน พอทางคุณบุญช่วยมาเบิกความในคดีแพ่งที่เราฟ้อง เขาบอกว่าเป็นคนบริจาคเงิน เสียภาษี เขาเป็นคนกองทุนสวนยาง พอเราไปพิสูจน์กลายเป็นว่า เป็นเรื่องของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ คุณแม่เล่าให้ฟังและบรรพบุรุษก็เล่าว่า เป็นเรื่องของ พระกิตติโธ ซื้อขายที่ดิน ไม่ใช่ทางน้องพระ ซื้อขายในนามมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ พี่ธารินทร์ เห็นว่าที่ดินอันนี้เกิดจากการเรี่ยไรบุญ เป็นที่ดินของพระพุทธศาสนา เขาจึงอยากให้เป็นไปตามความจริงว่า ในเมื่อบรรพบุรุษซื้อขายกับพระเป็นเจตนาที่ดี มีเจตนาที่จะสร้างวิทยาลัยเกษตรของสงฆ์ ไปเรี่ยไรบุญประชาชนมา อยากให้เป็นไปตามความจริงในอดีต” นางสาวเขมจิรา กล่าวและว่า
ทางเราพลาดตรงที่ว่าตอนคดีแพ่ง เราไปขอให้ทางมูลนิธิออกมาไปหาหลักฐานจากมูลนิธิ ทางมูลนิธิอ้างว่า กรรมการเปลี่ยนใหม่หมด หลักฐานไม่มี เราจึงต้องสู้ประเด็นเดียวคือเรื่องทายาทไม่ครบ พอเขาเบิกความ และทางเราได้หลักฐานทางราชการมาแล้ว คู่สัญญาตัวจริงคือมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุกับนายสมพล เราจึงฟ้องคดีอาญา แต่กลายเป็นว่าคดีอาญา แต่พอศาลไต่สวนมีมูลแต่ก็ถูกจำหน่ายคดีออกไป ไม่ได้ทำคดี 4 ปี คดีที่มีหลักฐานราชการก็เลยกลายเป็นว่าไม่ได้พิสูจน์ความจริง ส่วนคดีแพ่งที่เราพิสูจน์จำนวนทายาทเท่านั้น ตอนนั้นยังไม่มีหลักฐานทางราชการ กลายเป็นว่าเดินหน้า แต่ก็มีคำพิพากษาศาลฎีกาลงมาว่าคุณบุญช่วยเป็นคนซื้อ
แต่ในขณะที่หลักฐานทางราชการถูกจำหน่ายออก แต่เหมือนกับว่าศาลมองว่ามีคำพิพากษาไปแล้ว ทำให้คดีถูกฟ้องกลับมามากมาย พี่เขาเลยเครียดเหมือนกับทุกอย่างไม่ใช่ความจริง ตนอยากขอให้ประชาชนทั่วประเทศ อยากจะบอกว่าพี่ธารินทร์ได้ต่อสู้แบบลูกผู้ชาย เขามีเลือดตำรวจเข้มข้น ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด คนอย่างเขามีศักดิ์ศรี เขามุ่งมั่นในการพิสูจน์ความจริง หลักฐานทางราชการที่เขาหามาได้ชัดเจนแล้ว จึงอยากพิสูจน์ความจริงให้ได้ แต่ขบวนการพิจารณามีอะไรแปลก ๆ เยอะ และเหมือนกับว่าบางอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม และมีการพูดจาในศาลส่อเสียดและเหยียดหยาม พาดพิงถึงคุณพ่อที่เสียไปแล้ว การแสดงออกของอีกฝ่ายจะเป็นการแสดงความมีบารมี และอำนาจผู้ใหญ่ที่สนิทสนม
ก่อนเกิดเหตุมีการพาดพิงถึงคุณพ่อพี่ธารินทร์ คุณพ่อเสียไปแล้วจึงไม่น่าเอามาพูดในเมื่อไม่เกี่ยวข้องในคดี บางครั้งก็มีการแสดงส่งนิ้วกลางให้ และมีท่าทางเหมือนกับรุนแรง พูดกันด้วยอารมณ์ปะทะกัน ระหว่างขบวนการพิจารณามีการถามคำถาม เมื่อขอดูเอกสาร ทางฝ่ายนั้นไม่ให้ จึงมีการดึงยื้อเอกสารกัน ทำให้ศาลตำหนิ พี่เขาจึงมีความรู้สึกว่าในเมื่อการพิจารณาคดี เขาก็มีสิทธิดู เอาอะไรมาถาม หลักฐานคืออะไร แต่กลับกลายเป็นว่า ไม่ทำให้โปร่งใส ไม่ยอมให้ดู ในเมื่อทางพี่ธารินทร์มีเอกสารทางราชการชัดเจน ทั้งงบดุลมูลนิธิ ทั้งการบริจาค กองทุนบ้านสวนยาง รวมทั้งการเสียภาษีของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุ และมีการระบุว่าที่เจ้าของโรงหนังไทยรักมิตร ซื้อขายที่ดินให้กับมูลนิธิ ซึ่งยังไม่มีการโอน มันจะมีหลักฐานเป็นที่ของราชพัสดุทำถึงกรมธนารักษ์ ระบุถึงการบริจาคที่ดินมี 2 ส่วน คือนางกิมเหรียญบริจาค
“อีกส่วนหนึ่งเป็นมูลนิธิฯบริจาค ระบุว่า น.ส.3 เป็นเจ้าของโรงหนักไทยรักมิตรซึ่งหลักฐานยังไม่มีการโอน มันก็ชัดเจนว่า นายสมพลได้ขายที่ดินให้กับมูลนิธิ เมื่อมีคนสวมรอยมาว่าเป็นคนซื้อ พี่ธารินทร์ก็อยากให้ความจริงคือความจริง และได้มีการไปร้องเรียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะให้ปลดยศพี่ธารินทร์ จึงเป็นมูลเหตุหลายๆ เรื่องที่โดนกลั่นแกล้งเขาและฟ้องหลายคดี ทั้ง ๆ ที่เขาจะมาพิสูจน์ความจริง แต่กลับมาโดนฟ้องกลับทำให้เสียค่าใช้จ่ายมากมาย จึงเกิดความกดดันหลายๆ อย่าง” ภรรยาผู้ตายระบุ
—————————
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: