X

พลิกปูม ร.อ.ธรรมนัส ถูกขอไปเลี้ยงจากพะเยา สู่เบตง-ตากใบ…!! ชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

พลิกปูม “ผู้กองมนัส” ชื่อธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา ในครม.ประยุทธ์ จากเด็กพะเยา สู่ตากใบ

ผมคงไม่ลงลึกรายละเอียดประวัติของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับคดีความต่างๆ คิดว่าคงไม่อ่านได้ฟัง ได้รับรู้กันมามากแล้ว แต่จะเขียนถึงปูมหลังบ้างเรื่องที่ใครยังไม่รู้

“ธรรมนัส พรหมเผ่า” ชื่อธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะวินาทีนี้เขาคือมือทำงาน ประสานการเมืองตัวจริงของพลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้ก่อนหน้านี้เคยอยู่เคียงข้างพรรคไทยรักไทย ของทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยในปัจจถลัน มานานหลายปี แต่พอย้ายมาซบพลังประชารัฐ ก็โชว์ฝีไม้ลายมือจัดเจน เคลียร์ปัญหาการต่อรองกระทรวงได้อย่างหมดจด

สำหรับ ร.อ.ธรรมนัส นั้น ถือเป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐคนหนึ่ง โดยภายหลังเลือกตั้งได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในคนเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล

ปักธงยึดพะเยา

โดยบทบาทภายในพรรคของ ร.อ.ธรรมนัส หรือผู้กองมนัส ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้รับคำชมอย่างมาก หลังเจาะพื้นที่ภาคเหนือของพรรคเพื่อไทยได้หลายเขต ไม่ว่าจะเป็นที่ จ.พะเยา ที่ไม่เคยมีพรรคใดมาเจาะได้

เช่นเดียวกับที่ จ.ตาก ที่พรรคประชาธิปัตย์ครองแชมป์มานานหลายสมัย แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐก็สามารถแบ่ง ส.ส.มาได้ รวมถึง จ.พิจิตร ที่ผูกขาดโดยตระกูลขจรประศาสน์ แต่ครั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส สามารถกวาด ส.ส.ให้พรรคพลังประชารัฐแบบยกจังหวัดมาได้

จากพะเยา สู่ตากใบ

เด็กชายมนัส คือชื่อเดิมของเขา เขาเกิดที่พะเยา แต่วันหนึ่งหนุ่มวัยกลางคนจากเบตง จ.ยะลา เดินทางขึ้นไปพะเยา ไปเจอเด็กชายมนัส ด้วยความที่เขาไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกหญิงสองคน
“อยากไปเรียนหนังสือไหม” สุรินทร์ โบกพรหม รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ จึงเอ่ยปากชักชวน เด็กชายมนัสตอบรับโดยไม่ลังเลเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋ามาอยู่เบตง และเปลี่ยนชื่อเป็นยุทธภูมิตั้งแต่นั้นมาเขาจึงใช้ชื่อ “ยุทธภูมิ โบกพรหม”

จากเบตง สู่ตากใบ

จากนั้นคุณพ่อสุรินทร์ย้ายมาทำงานที่สุไหงโกลก จึงย้ายครอบครัวมาปักหลักที่บ้านทรายขาว อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เด็กชายยุทธภูมิ ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์จากบ้านทรายขาว ไปเรียนหนังสือที่สุไหงโกลก
“ด้วยความที่เป็นคนขี้ง่วง เวลานั่งมอเตอร์ไซค์ไปกับพ่อก็ต้องใช้ผ้าขาวม้ามัดเอวกับพุงพ่อไว้ เพื่อไม่ให้ตกรถ” ร.อ.ธรรมนัส เล่าให้ฟังด้วยความภาคภูมิใจ

เขามาเรียนต่อที่ “นราสิขาลัย”ซึ่งถือเป็นโรงเรียนมีชื่อเสียงอันดับต้นๆของนราธิวาส ระหว่างเรียนก็ช่วยพ่อสุรินทร์ เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ ช่วยพ่อ-แม่ทำสวนไปด้วย

จากนักเรียนเตรียมฯ ออกจากราชการ สู่นักธุรกิจ

เขาเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง จากมนัส เป็นยุทธภูมิ แล้วเปลี่ยนไปใช้มนัสอีก ต่อมาเปลี่ยนเป็น พชร ส่วนนามสกุลเปลี่ยนจาก โบกพรหม มาเป็น พรหมเผ่า และที่ผ่านมาหลายคนเรียกเขาว่า “ผู้กองตุ๋ย” แต่ความจริงแล้ว ร.อ.ธรรมนัส ชื่อเล่น “นัท” ซึ่งเป็นชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้

ร.อ.ธรรมนัส เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 และจบนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 36 รุ่นเดียวกันกับ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ เขาเป็นที่รักของนักเรียนเตรียมทหารและนักเรียนนายร้อยฯ เพราะความเป็นคนใจกว้าง ใจนักเลง ช่วยเหลือพรรคพวกเพื่อนฝูงได้ทุกเมื่อ

ต่อมา อาชีพข้าราชการทหารของเขาได้สิ้นสุดลง เมื่อปี 2542 หลังจากไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมหนุ่มนักเรียนนอก โดยคดีนี้ตำรวจออกหมายจับ ขณะนั้นเขาใช้ชื่อ ร.อ.พชร ในฐานะเจ้าของบ้านเกิดเหตุ กับพวกรวม 3 คน ต่อมาในปี 2546 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องตัวเขากับลูกน้องที่เป็นทหารในคดีดังกล่าว

เมื่อเขาไม่ได้สวมเครื่องแบบ ก็เลยผันตัวเองไปทำธุรกิจรักษาความปลอดภัย ชื่อ บริษัท ธรรมนัส การ์ด โดยจับมือกับผู้ใหญ่คนสนิทที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นอย่าง “เสธ.ไอซ์” พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต

จากบริษัท รปภ. ก็ต่อยอดทำธุรกิจด้านอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รถเมล์, อสังหาริมทรัพย์, ตลาด และยี่ปั๊วขายสลากฯ ฉะนั้นเมื่อ 6-7 ปีก่อน ร.อ.ธรรมนัส จึงเป็นยี่ปั๊วรายใหญ่ของประเทศ เพราะเข้ามาบริหาร หจก.ขวัญฤดี ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าเสือกองสลาก

เมื่อ คสช.เข้ามากุมอำนาจ ได้มีการแต่งตั้ง “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” เป็นประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มาจัดการหวยแพง ได้เชิญ ร.อ.ธรรมนัส ไปหารือเรื่องจัดระบบขายสลาก และ ร.อ.ธรรมนัส ก็ยอมรับสภาพที่จะไม่เป็นยี่ปั๊วรายใหญ่

จากทหาร สู่ธุรกิจ ถึงวงจรการเมือง

ร.อ.ธรรมนัส เข้าสู่เส้นทางการเมือง โดยเริ่มต้นที่พรรคไทยรักไทยของ “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อปี 2542 ดูแลยุทธศาสตร์เลือกตั้งในสนามกรุงเทพมหานครพอเข้าปี 2557 ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้เข้าสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แต่การเลือกตั้งหนนั้นเป็นโมฆะ และด้วยความที่เป็นคนพื้นเพ จ.พะเยา จึงมีความสนิทสนมกับ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร

ต่อมาเมื่อมีการตั้งพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส ได้รับการทาบทามจากผู้ใหญ่ให้มาร่วมงานการเมือง โดยรับตำแหน่งประธานยุทธศาตร์ภาคเหนือ ดูแลพื้นที่เลือกตั้ง จัดวางตัวผู้สมัคร และผลงานของเขาน่าพอใจ เข้าตาผู้หลักผู้ใหญ่อย่างมาก

คนทั่วไปอาจมองว่า ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้มากอิทธิพล แต่คนเมืองกว๊านถือว่าเขาเป็นพ่อพระของคนพะเยา โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนยากไร้ คนด้อยโอกาส และด้วยความที่เป็นคนเข้าถึงง่าย ปฏิเสธชาวบ้านไม่เป็น จึงเป็นที่รักของกลุ่ม อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มข้าราชการอย่างยิ่ง

โดย ร.อ.ธรรมนัส เคยกล่าวถึงประเด็นที่ใครๆ ก็มองเขาเป็นมาเฟียไว้ว่า “มาเฟียเป็นภาพติดตัวผมมาตั้งแต่อยู่กับ เสธ.ไอซ์ คำว่ามาเฟียกับนักเลงมันต่างกัน นักเลงคือคนที่ใจเป็นนักเลง คนใจนักเลงคือถึงไหนถึงกัน กล้าได้กล้าเสีย รักเพื่อนฝูง แต่มาเฟียคือกลุ่มอิทธิพลที่รังแกคน ตั้งตัวเองขึ้นมาเป็นผู้มีอิทธิพล อยู่บนผลประโยชน์ ผมไม่ใช่คนประเภทนั้น แต่ผมไม่ปฏิเสธว่าผมเป็นนักเลง เพราะเรามันคนใจนักเลง
“ปมไม่ใช่ทหารมาเฟีย แต่ผมเป็นนักเลง ใจถึง กล้าได้กล้าเสียอย่างปม น่าคบไหมละ” ร.อ.ธรรมนัส เคยกล่าวไว้

เมื่อสัปดาห์ก่อน ร.อ.ธรรมนัส” กลับบ้านที่ทรายขาว เพื่อทอดผ้าป่า ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากญาติพี่น้อง ยังทักทายคนนั่นคนนี้อย่างสนิทสนม และขึ้นเวทีเล่าความหลังให้ฟังอย่างสนุกสนาน

รัฐบาลลุงตู่กำลังเดินไปแบบป้อแป้ป้อแป้ เหมือนมวยเมาหมัด แต่จะฟื้นตัวอยู่รอด 4 ปีหรือไม่ยังไม่รู้ เหมือนชะตากรรมของผู้กองธรรมนัสที่อยู่ระหว่างการฟื้นจากไข้หลายโรครุมเร้า วันหนึ่งถ้าพรรคพลังประชารัฐไปไม่รอด ไม่แน่ “ร.อ.ธรรมนัส”อาจมีชื่อเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งก็เป็นได้ ใครจะรู้

ด้วยความเคารพ
นายหัวไทร
1 ธันวาคม 2562

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน