จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นทำให้ในหลายเขตพื้นที่ของจังหวัดลำปางได้เริ่มแปรเปลี่ยนสภาพจากความเขียวชอุ่มของใบไม้ในผืนป่า ให้ค่อยกลับกลายเป็นสีเหลืองและร่วงหล่น ซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกถึงการย่างเข้าสู่ความแห้งแล้ง และที่สำคัญในห้วงเวลาดังกล่าวนับแต่เดือนมกราคม ไปจนถึงเดือนเมษายน จังหวัดลำปางมักเกิดปัญหาไฟป่าหมอกควันตามมาเป็นประจำแทบทุกปี โดยปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการลักลอบจุดไฟเผาป่าของคนในพื้นที่ และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการจุดไฟเผาพื้นที่ทำการเกษตรของเกษตรกร ซึ่งปัญหาไฟป่าหมอกควันที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงทรัพยากรป่าไม้ที่ต้องถูกไฟเผาไหม้ได้รับความเสียหายไปเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดในหลายพื้นที่ของจังหวัดลำปาง ได้เริ่มพบเห็นเกษตรกรทำการเผาเศษวัชพืชในพื้นที่ทำการเกษตรกันบ้างแล้วเพื่อจะเตรียมการเพาะปลูกในปีถัดไป
ทั้งนี้ทางกองทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว เกรงจะก่อให้เกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควันเหมือนดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา ดังนั้นทางกองทัพภาคที่ 3 จึงได้จัดส่งหน่วยบินมวลชนสัมพันธ์ของ กองทัพอากาศ นำเครื่อง Peacemaker(AU-23) ติดตั้งเครื่องขยายเสียงพร้อมลำโพง ออกปฏิบัติการบินวนประชาสัมพันธ์รณรงค์หยุดเผา พร้อมให้ความรู้เรื่องปัญหาหมอกควันและผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยในวันนี้ (11 ธันวาคม 2562) ทางกองทัพอากาศ ได้นำเครื่อง Peacemaker(AU-23) บินวนประชาสัมพันธ์ในเขตพื้นที่ 3 อำเภอ ของจังหวัดลำปาง คือ อำเภอเกาะคา สบปราบ และ อำเภอเถิน ซึ่งได้ประกาศเสียงทางอากาศประชาสัมพันธ์รณรงค์ห้ามเผา ทั้งเศษวัชพืชในแปลงการเกษตร และขยะ ตลอดจนขอร่วมมือห้ามทำการเผาทุกชนิดในที่โล่งแจ้ง ขณะเดียวกันชาวบ้านที่ออกมานั่งผิงแดดเพื่อรับไออุ่นจากแสงอาทิตย์ ต่างได้ยินเสียงประกาศจากเครื่องบินทหาร ก็ได้มีการแจ้งขยายข่าวสาร บอกต่อไปยังลูกหลานรวมถึงเพื่อนฝูงภายในหมู่บ้านให้งดการเผาตอซังข้าว และวัชพืชในแปลงนา หรือพื้นที่เตรียมการเกษตรโดยให้ใช้วิธีการไถกลบแทน
ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 32 ได้จัดกำลังพลพร้อมอุปกรณ์ทำแนวกันไฟ ลงพื้นที่ร่วมกับชาวบ้านประชาชนจิตอาสา และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันทำความสะอาด ตัดแต่งกิ่งไม้ใบหญ้า พร้อมทำแนวกันไฟรอบๆ บริเวณพื้นที่สำนักปฏิบัติธรรมสุนธรมุณี ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง โดยเพื่อเป็นการบริหารจัดการเชื้อเพลิงภายในบริเวณสำนักปฏิบัติธรรม ให้เหลือจำนวนและปริมาณน้อยที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาไฟป่าไว้ก่อนในเบื้องต้น
ทั้งนี้สำหรับปัญหาไฟป่าหมอกควัน ถือเป็นปัญหารุนแรงที่ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ยังขาดความเข้าใจ โดยไม่รู้ว่าหมอกควันไฟมีพิษร้ายแรงและเป็นสาเหตุหลักที่ได้ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลัน ทั้งในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์ อีกทั้งยังบั่นทอนสุขภาพทำให้เสียชีวิตได้ง่ายในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด และโรคหอบหืด เป็นต้น นอกจากนี้หากประชาชนทั่วไปมีการสัมผัส หรือ สูดดมในระยะยาวของสารพิษบางชนิดที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้จากป่า เช่น “โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน” ก็จะทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็งได้อีกด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: