นครพนม – เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม(ตม.ฯ) สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม คำม่วน) บ้านห้อม ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่มอบนโยบายติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด่าน ตม.นครพนม เพื่อรับทราบปัญหา และตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเกิดเหตุ เมื่อคืนวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา อดีตพระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเงินทอนวัด ที่มีการหลบหนีโดยผ่านด่าน ตม.นครพนม ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และเดินทางข้ามพรมแดนประเทศกัมพูชา ขึ้นเครื่องบินต่อไปยังประเทศเยอรมัน โดยยื่นเรื่องขอลี้ภัยการเมืองต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสนามบินนานาชาติแฟรงต์เฟิร์ต ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครพนมครั้งนี้ ทาง พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เปิดเผยเพียงสั้นๆว่ามีการออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เจ้าหน้าที่ ตม. 2 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ว่ามีส่วนรู้เห็นในการเปิดทางให้อดีตพระพรหมเมธีหลบหนีหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ได้มีการกำชับเพิ่มความเข้มงวด ให้เจ้าหน้าที่ ตม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ทำการตรวจสอบคัดกรอง บุคคลที่เดินทางเข้าออกตามแนวชายแดนทุกจุด ทั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม รวมถึงไปถึงด่านชายแดนพื้นที่ภาคอีสานรวม 9 จังหวัดประกอบด้วย หนองคาย มุกดาหาร อุบลฯ ศรีสะเกษ นครพนม สุรินทร์ เลย บึงกาฬ และ อำนาจเจริญ โดยก่อนเดินทางเข้าออกตามด่านชายแดน ให้มีการตรวจสอบคัดกรอง เอกสารทุกขั้นตอน และมีการยืนยันตัวบุคคลทุกราย รวมถึงรถยนต์ที่เดินทางมาเป็นกลุ่มคณะ จะต้องมีการตรวจสอบตามขั้นตอน เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีของบุคคลต้องห้าม หรือผู้ต้องหาตามหมายจับ ไปจนถึงป้องกันปราบปรามการลักลอบกระทำผิดกฎหมายทุกประเภท รวมถึงยาเสพติด และกำชับให้มีการประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมคาดโทษเจ้าหน้าที่ทุกนาย หากบกพร่องต่อหน้าที่ จะมีการเอาผิดทางวินัยขั้นร้ายแรง
