นครศรีธรรมราช:ปศุสัตว์จังหวัดนครศรีธรรมราชสนธิ ตร.สภ.ร่อนพิบูลย์ เข้าตรวจสอบจับกุมผู้กระทำความผิดเปิดโรงฆ่าสัตว์เถื่อน พร้อมยึดของกลาง “เนื้อสุกร”ที่ผ่านการชำแหละแล้ว 4 ตัว นำส่ง พงส.สภ.ร่อนพิบูลย์ พบพื้นที่ จว.ยังมีการลักลอบกระทำอยู่มาก หวั่น ปชช.ผู้บริโภคเสี่ยงติดเชื้อโรคร้ายแรงที่มากับเนื้อสัตว์
สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครศรีธรรมราช นำโดยนายสัตว์แพทย์ ศิริพงศ์ พลสิริ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรร่อนพิบูลย์ ร่วมจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พรบ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 จำนวน 2 ราย ข้อหาตามมาตรา 15 ประกอบการฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และข้อหาตามมาตรา 31 ฆ่าสัตว์โดยไม่แจ้งการฆ่า ซึ่งของกลางที่พบเป็นซากสุกรที่ผ่านการชำแหละเป็นที่เรียบร้อยแล้วจำนวน 4 ตัว จึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางเนื้อสุกรที่ยึดได้ส่งพนักงานสอบสวน ก่อนนำของกลางไปทำลายตามระเบียบกรมฯต่อไป
นายสัตวแพทย์ศิริพงษ์กล่าว การจับกุมครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการคุ้มครองผู้บริโภค เนื่องจากการฆ่าสัตว์ที่ไม่ถูกต้อง จะไม่ผ่านการตรวจสอบและตรวจโรคจากพนักงานตรวจโรคสัตว์ ทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคที่ร้ายแรงเช่น โรคหูดับจากเชื้อ “streptococcus suis” โรคท้องเสียจากเชื้อ “salmonella” อีกทั้งสารเร่งเนื้อแดงตกค้างในเนื้อสุกร เป็นต้น
“สำหรับในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่พบผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว กับผู้ประกอบการรายย่อยเป็นส่วนมาก ส่วนรายใหญ่ๆบางรายอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงฆ่าสัตว์ ที่ถูกต้อง บางโรงที่แล้วเสร็จก็ได้ใบอนุญาตไปบ้างแล้ว มีเพียงรายย่อยเท่านั้นที่ยังคงพบปัญหาอยู่มาก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขาดเงินทุนงบประมาณการขยับขยายโรงเรือนและโรงฆ่าที่ถูกต้องตามระเบียบ อีกทั้งปัจจัยทางด้านพื้นที่สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งค่อนข้างที่จะเป็นปัญหาให้มีการลักลอบกระทำความผิดให้เห็นอยู่ตลอดเวลา“
“อีกประการคือหน่วยงานในท้องถิ่นไม่มีงบประมาณเพื่อไปสนับสนุนให้กับเหล่าบรรดารายย่อย ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่ากลุ่มรายย่อยเหล่านี้สมควรที่จะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมากเช่นกัน ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่มิได้กระทำไปด้วยเหตุผลอื่นใด หรือเป็นการกระทำที่อาจมองว่าเป็นการรังแกประชาชนแต่อย่างใด คิดอีกมุมกลับเกิดความน่าเห็นใจไปเสียมากกว่า แต่ประการที่สำคัญยิ่งคือการรักษาและยึดหลักความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนผู้บริโภคเป็นหลัก” นายสัตวแพทย์ศิริพงษ์ กล่าวในที่สุด
