ฉะเชิงเทรา – ผิดหวัง ชาวบ้านถูกปฏิเสธความช่วยเหลือจาก ส.ส.คนดังสนั่นโรงเรียน หลังพยายามยื่นหนังสือขอให้ช่วยแก้ปัญหา กรณีถูกนายหน้าเช่าช่วงที่ดินฉ้อโกง แต่ถูกปัดทิ้งบอกเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างการลงดูพื้นที่จริง กรณีมีกลุ่มบุคคลกว่า 30 รายชื่อ อ้างเป็นคนเขาดินยื่นคัดค้านการพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออกขวางการก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่
วันที่ 14 ธ.ค.62 ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปจากสื่อโซเชียลท้องถิ่น กรณีสองสามีภรรยาอุ้มลูกน้อยวัย 2 ขวบ เดินเข้ามาร้องขอความเป็นธรรมจาก นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 ส.ส.คนดังที่เคยตกเป็นข่าวถูกชาวโซเชียลวิจารณ์กระหึ่ม กรณีเข้าไปรณรงค์หาแนวร่วมในการสนับสนุนให้มีการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ถึงภายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ใน อ.แปลงยาว ตามแนวทางของตนเองเพียงฝ่ายเดียว
ข่าวน่าสนใจ:
- สยบข่าวลือ สจ.ธรรมชาติ หนีซุกเขมร หลังถูกทนายดังแฉเอี่ยวรีดเว็บพนัน
- ค่ายรถยนต์ ผุดบูธเพิ่มช่องทางปั๊มยอดช่วงปลายปี หลังตลาดยังซบยาวต่อเนื่อง
- ปราจีนบุรี ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพ ปั่นปันน้ำใจ ฉะเชิงเทรา-หนองคาย
- จนมุมเพราะไก่ชน!! ตำรวจบางละมุงวางแผนเหนือเมฆ หลอกแก๊งค์ค้ายานรกมาซื้อไก่ชน ก่อนตามรวบยกแก๊งค์ ยึดยาบ้าแสนเม็ด - ไอซ์ 1 กก. พร้อมรถ 2 คัน…
ระหว่างการลงมาดูพื้นที่จริงพร้อมคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ 13 ธ.ค.62 ที่บริเวณพื้นที่เตรียมการก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรม บลูเทค ซิตี้ จำนวนกว่า 2 พันไร่ ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ตามที่ได้มีกลุ่มบุคคลจำนวนกว่า 30 คน ร่วมกันลงลายมือชื่อร้องเรียนขอให้ทางคณะกรรมาธิการเข้ามาตรวจสอบการสร้างนิคมอุตสาหกรรม บลูเทคซิตี้
โดยนายวิฑูรย์ บุญอุย อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/1 ม.9 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วยภรรยาและบุตรวัย 2 ขวบ ได้เดินทางมาเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็น ส.ส.ในพื้นที่เกิดปัญหา และยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการคณะนี้ด้วย ให้ช่วยเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ยร้องขอให้นางวันดี บัวพรม อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/4 ม.7 ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา แกนนำต่อต้าน อีอีซี
ที่ถูกศาลแพ่งฉะเชิงเทรา สั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายคืนเงินค่าเช่าที่ดิน และค่าเสียประโยชน์เป็นจำนวน 1 ใน 3 ของมูลค่าทุนทรัพย์ประมาณ 2,041,736 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด นับตั้งแต่วันฟ้องคดีเมื่อวันที่ 5 ก.พ.62 ตามคดีดำหมายเลข พ.86/2562 ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.62 ภายใน 30 วัน แต่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ ทางฝ่ายของจำเลยยังไม่ได้มีการชดใช้เงินคืนใดๆ แก่ตน ทั้งยังเพิกเฉยไม่ได้มีการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลภายใน 30 วัน และไม่ได้มีการอุทธรณ์คดีอีกด้วย
ตนจึงได้เดินทางเพื่อเข้ามายื่นหนังสือต่อ ส.ส.รายดังกล่าว ซึ่งทราบว่ามีส่วนในการขับเคลื่อนให้แกนนำกลุ่มต่อต้านดังกล่าวนี้ ไปยื่นหนังสือคัดค้านการก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ ต.เขาดิน แต่กลับถูกปฏิเสธที่จะรับหนังสือร้องเรียนจากตนไว้ โดยอ้างว่าเป็นเพียงเรื่องส่วนตัว ทั้งที่เป็นความเดือดร้อนของตนที่เกิดขึ้นจากการ “ผิดสัญญา และละเมิด” ในพื้นที่แปลงดังกล่าว ที่กำลังจะถูกนำมาใช้ในการก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ต่อมาได้มีนายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ประธานกรรมาธิการสภา ฝ่ายอุตสาหกรรม ได้มารับเรื่องด้วยตนเองไว้ ทั้งที่เป็น ส.ส.ที่มาจากพื้นที่อื่น แต่กลับเห็นถึงความสำคัญจากปัญหาความเดือดร้อนของตน นายวิฑูรย์ กล่าว
ขณะเดียวกัน นายประทวน สุทธิอำนวยเดช รองประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม คนที่ 2 ซึ่งนำคณะลงมาดูในแปลงพื้นที่จริง กล่าวว่า ในการลงพื้นที่มาในครั้งนี้ประเด็นแรกคือได้ข้อเท็จจริงของพื้นที่ และได้รู้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นทำอะไรไปบ้าง ในเรื่องที่มีการไปร้องเรียนที่กรรมาธิการอุตสาหกรรม และได้เข้ามาพบกับประชาชนส่วนหนึ่ง ที่มีปัญหาเรื่องที่ทางบริษัทได้ซื้อที่ดินของเจ้าของที่เดิม ซึ่งเป็นคนอยู่อาศัยใหม่ที่ได้รับความเดือดร้อน
ในฐานะกรรมาธิการได้รับเรื่องเบื้องต้น แต่ยังไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก จึงจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นนี้จากส่วนราชการในพื้นที่ และกรรมาธิการที่มาทั้งหมด เพื่อสรุปกระเด็นตอบข้อร้องเรียนทั้งหมดที่มีคนไปร้องเรียนที่กรรมาธิการ ที่สภาผู้แทนราษฎร
เมื่อถามว่า ผู้ที่เข้าไปร้องเรียนตามรายชื่อทั้งหมด จะมีการตรวจสอบหรือไม่ว่าเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่และเป็นผู้เดือดร้อนจริงหรือไม่ นายประทวน ตอบว่า จะต้องมีการตรวจสอบแน่นอนจากเอกสารที่ยื่นไปประมาณ 30-40 รายชื่อ ที่จะต้องกลับไปดูรายละเอียดว่าชื่อผู้ร้องเรียนอยู่ในพื้นที่จริงหรือไม่ และได้รับผลกระทบจริงหรือไม่
อันนี้จะเป็นข้อพิสูจน์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งท้องถิ่น ทั้งนายอำเภอ ทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กฎหมายทุกตัว ที่จะต้องเอามาดูว่าช่องไหนที่คนร้องเรียนแล้วทางผู้ประกอบการกระทำผิดหรือทำไม่ถูกต้อง จะได้สรุปเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย ตามระเบียบต่อไป
ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จากการเข้าดูพื้นที่ให้เห็นด้วยตาแล้ว พบว่ามีคนในพื้นที่เดือดร้อนตามคำร้องเรียนหรือไม่ นายประทวน ตอบว่า พบว่ามีอยู่บ้างแต่ประปราย ในส่วนของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงทางด้านชนแดนทั้งหมด ทางด้านตะวันออก ทิศใต้ และติดชายแม่น้ำบางปะกง ยังมีชาวบ้านอยู่ประปราย แต่เราจะไม่ละเว้นว่าจะจำนวนมากหรือจำนวนน้อย เราก็ต้องให้ความเป็นธรรม โดยจะเข้าไปดูให้หมดทุกพื้นที่ นายประทวน กล่าวในที่สุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: