ขอนแก่น – จังหวัดขอนแก่นจับมือทุกภาคส่วนเตรียมสร้างห้องทดลองระบบรางขนาดเท่าของจริง หรือ “แทรมน้อย” ระยะทาง 4 กม. รอบบึงแก่นนคร เพื่อนำร่องก่อนมีของจริง โดยได้รับบริจาคโบกี้มือสองจากญี่ปุ่น ดึง มทร. เป็นแม่งานหลัก หวังใช้เป็นแล็บให้นักศึกษาและนักวิจัยจากทั่วประเทศ
ปัจจุบันจะเห็นว่า ระบบรางกำลังเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศในอนาคต ภาครัฐมีนโยบายที่จะสร้างรถไฟฟ้ารถไฟความเร็วสูง รถไฟในเมือง และ รถไฟระหว่างเมือง สถาบันการศึกษาเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรระบบราง กันมากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เพื่อเร่งสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีห้องทดลองระบบรางที่เห็นภาพรวมการทำงานของรถไฟ หรือแม้แต่กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานี (transit-oriented development หรือ TOD) การบริหารจัดการ และ การซ่อมบำรุง
ขณะที่ จ.ขอนแก่น กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการสมาร์ทซิตี้ผ่านการสร้างรถไฟฟ้ารางเบา LRT อย่างเต็มกำลัง กอปรกับจังหวะที่จะได้รับโบกี้รถรางจากประเทศญี่ปุ่น จึงได้เกิดโครงการสร้างรถรางขนาดย่อม หรือ แทรมน้อย เพื่อนำร่องการสร้างรถไฟฟ้ารางเบาในพื้นที่ และถือเป็นห้องทดลองระบบรางครั้งแรกของประเทศที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับนักศึกษาและประชาชนทั่วไป
ข่าวน่าสนใจ:
- ขอนแก่นจัดงานแถลงข่าว เทศกาลสุดออนซอนแห่งปี! “PlaraMorlum” Isan to the World ระหว่างวันที่ 26-29 ธันวาคม 2567 ณ ขอนแก่น อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์
- รวบหนุ่มแสบลักทรัพย์โรงเรียนดัง จ.ขอนแก่น
- นายอำเภอกระนวน จ.ขอนแก่น นำทีมฝ่ายปกครองบุกจับแก็งยาบ้า ขยายผลยึดยาบ้า 600 เม็ด
- ขอนแก่น เอาจริงลุยปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด ในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น ได้ผู้ต้องหา 4 ราย หลังชาวบ้านแจ้งเบาะแส
อ.ปริญ นาชัยสิทธิ์ คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.ขอนแก่น ในฐานะเลขานุการโครงการฯ กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของจังหวัดขอนแก่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลตำบลสำราญ เทศบาลตำบลท่าพระ เทศบาลเมืองศิลา เทศบาลตำบลเมืองเก่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น บริษัท ขอนแก่นทรานสิท ซิสเต็ม จำกัด (KKTS) และ บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) จำกัด
จุดประสงค์เพื่อสร้างห้องทดลองระบบรางขนาดเท่าของจริง มีการเดินรถ การซ่อมบำรุง การบริหาร การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีซึ่งต้องบูรณาการศาสตร์หลายแขนง นักศึกษาได้เรียนรู้ระบบจริง ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ และสามารถให้นักวิจัยมาทำงานวิจัยในด้าน track work ชนิดต่างๆได้
ตามแผนงานที่วางไว้สถานที่ก่อสร้างจะอยู่รอบบึงแก่นนคร ระยะทางรวม 4 กิโลเมตร ประกอบด้วย สถานี 8 แห่ง สถานีเชื่อมต่อรถโดยสารประจำทาง 2 แห่ง และ ศูนย์ซ่อมบำรุงและ TOD 1 แห่ง
“เรารับบริจาครถรางที่ใช้แล้วจากเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 2 โบกี้ โดยศูนย์วิจัยและฝึกอบรมระบบขนส่งทางราง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.ขอนแก่น ร่วมกับ สวทช.จะนำมาเป็นต้นแบบในการศึกษาวิจัย เพื่อจะสร้างใหม่อีกหนึ่งโบกี้ด้วยเทคโนโลยีของเราเอง การทำงานจะแบ่งเป็น 3 ช่วงคือ ช่วงแรกจะเป็นการสร้างราง ระยะทาง 4 กิโลเมตร ทดลองนำรถที่ได้รับมาวิ่ง หากเราทำได้ผลดี ทางญี่ปุ่นก็มีโครงการจะมอบรถให้เราเพิ่ม ก็จะเข้าสู่ช่วงที่สองคือนำรถที่ได้รับบริจาคเพิ่มมาวิ่ง และช่วงที่สาม เมื่อรถต้นแบบของเราเสร็จแล้ว เราก็จะเอารถที่เราสร้างขึ้นเองมาวิ่ง
เราแบ่งงานกันรับผิดชอบโดยที่งานในส่วนของตัวรถ ราง และโรงซ่อมบำรุง จะเป็นงานที่ มทร.ขอนแก่น เรารับดูแลทั้งหมด ส่วนการสร้างสถานี การพัฒนาพื้นที่ TOD และ complete street มหาวิทยาลัยขอนแก่นช่วยเป็นแม่งาน ส่วนงานเกี่ยวกับการจัดพื้นที่รอบบึง การประสานขอรถรางจากญี่ปุ่นจะเป็นหน่วยงานของจังหวัดคือ เทศบาลนครขอนแก่น KKTS และ KKTT ช่วยดูแล แต่ทุกงานก็สัมพันธ์กันทั้งหมด โครงการนี้เราคาดว่า จะใช้งบประมาณราว 200 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี ตอนนี้มีมติให้ มทร.ขอนแก่นเป็นเลขานุการทำงานร่วมกับเทศบาลนครขอนแก่นตั้งอนุกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งที่จะผลักดันเรื่องผ่าน กรอ.จังหวัดขออนุมัติงบประมาณจากกองทุนสมาร์ทซิตี้ของจังหวัดมาใช้ดำเนินการ” อ.ปริญ กล่าว
งานนี้จะเป็นห้องทดลองระบบรางที่แท้จริง เพราะการสร้างรางรอบบึงแก่นนคร ระยะทาง 4 กิโลเมตรจะมีการทดลองสร้างรางประเภทต่างๆ เช่น แบบที่ใช้หินโรยทางและไม่ใช่หินโรยทาง (Ballast Track / Non Ballast Track) ซึ่งแต่ละแบบจะมีคุณลักษณะพิเศษที่ แตกต่างกัน นั่นคือ ทางรถไฟที่ใช้หินโรยทางรองรับไม้หมอนจะนุ่มนวล มี เสียงดังน้อย แต่เมื่อใช้งานไปสักระยะ ต้องมีการบำรุงรักษาโดยการล้างหิน และอัดหินเพิ่มเติม ในขณะที่โครงสร้างทางรถไฟที่ไม่ใช่หิน (Non Ballast Track) คือการวางรางลงบนแผ่นคอนกรีตอัดแรงที่เรียกว่า ‘สแลบแทรค’ (Slab Track) หรือการวางรางลงบนหมอนคอนกรีตที่วางอยู่บนพื้นคอนกรีตที่มีช่องบังคับ
งานอีกด้านคือ ศูนย์ซ่อมบำรุงและ TOD ในส่วนนี้จะเป็นการก่อสร้างโรงซ่อมบำรุงรถที่จัดพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับเชิงพาณิชย์ เช่น คอนโดมิเนียม ย่านการค้า คอมเพล็กซ์ มีลักษณะคล้ายสถานีรถไฟฟ้า BTS หรือ สถานีรถไฟฟ้ามหานครในกรุงเทพฯ
นอกจากนั้นเส้นทางของ “แทรมน้อย” ไม่ใช่จะวนอยู่รอบบึงเท่านั้น แต่จะมีการทำเส้นทางเชื่อมต่อจากบึงแก่นนครออกมาที่ถนนศรีนวล ระยะทางประมาณ 400 เมตร เพื่อสร้างเป็น complete street หรือ “ถนนที่สมบูรณ์แบบ” นั่นคือการทำให้ถนนกลับมา ‘มีชีวิต’ อีกครั้ง ด้วยการทำให้ถนนนั้น มีความปลอดภัย สวยงาม และ สะดวกสบายต่อ ผู้ใช้ถนน ‘ทุกคน’ รวมถึงคนเดินเท้า คนขี่จักรยาน และระบบขนส่งมวลชน ไม่ใช่เฉพาะกับรถยนต์เท่านั้น
ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นจะป็นผู้ออกแบบว่า คนทุกคน รถทุกชนิดจะสามารถใช้ถนนนี้ร่วมกันได้อย่างไร และจะเอื้อประโยชน์ต่อความเป็นอยู่และการดำเนินธุรกิจในพื้นที่สองฝั่งระหว่างเส้นทางได้อย่างไร (รถรางเปลี่ยนเมืองได้อย่างไร 10 เมืองตัวอย่างรถรางเบา)
ทั้งนี้หลักการของ Complete Street ก็คือ การปรับปรุงเรื่องดังต่อไปนี้ 1.ความปลอดภัย 2.ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 3.เพิ่มทางเลือกนอกเหนือจากการใช้รถยนต์ส่วนตัว 4.กระตุ้นให้เกิดการเดินและใช้จักรยาน 5.สร้างความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของพื้นที่ 6.ปรับปรุงปฏิสัมพันธ์ในสังคมและชุมชน 7.เพิ่มมูลค่าที่ดินที่อยู่ติดกับถนน
และในอนาคตเส้นทางของ “แทรมน้อย” ระยะทาง 400 เมตร บนถนนศรีนวล และ 4 กม. รอบ บึงแก่นนคร ก็จะไปเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้า LRT ทั้งระบบ
ขณะนี้ทาง มทร.ขอนแก่น ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนงานด้านต่างๆ โดยมีแผนงานสำคัญคือ การสร้าง tram house ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย เพื่อให้เป็น tram research center
และอีกด้านคือ การวิจัยและสร้างรถ tram ต้นแบบร่วมกับ สวทช. ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีและการออกแบบโดยคณะทำงานจาก มทร. เพื่อให้เป็นรถต้นแบบของขอนแก่น
ในอนาคตขอนแก่นไม่เพียงแต่จะผลิตรถรางขึ้นใช้ในพื้นที่ตัวเอง แต่นี่กำลังจะกลายเป็น “สินค้าอุตสาหกรรมตัวใหม่” ที่จะสร้างงาน สร้างองค์ความรู้ และ สร้างรายได้กลับสู่ชาวขอนแก่นเอง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: