หลังเกิดปัญหาช้างป่าแก่งกระจานออกอาละวาด บุกกัดกินโค่นต้นทุเรียน ต้นมะนาว และพังรถยนต์ทำลายทรัพย์สินชาวบ้านชาวบ้านในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน ของโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ช่วง 4 วันผ่านมาเริ่มมีความหวังหลังผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สั่งหน่วยงานลงพื้นที่ติดตามแก้ปัญหาช้างป่าในพื้นทีซึ่งปัจจุบัน ระบุว่ามีกว่า 200 ตัว และกำหนดแผนแก้ปัญหาทั้งการสร้างแนวรั้วกันช้างกึ่งถาวรต่อ รวมทั้งการขุดคูกันช้างก่อนในเบื้องต้น และเห็นควรให้ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เคลื่อนย้ายช้างที่มีพฤติกรรมอาละวาด ทำลายทรัพย์สิน และอื่นๆออกจากพื้นที่
(13 ธันวาคม 2560 ) หลังจากช่วงระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2560ที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาเมื่อช้างป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ออกจากป่าเข้ามากัดกินโค่นต้นทุเรียนที่กำลังให้ผลผลิตของป้าประเทือง นุ่มน้อย วัย 70 ปี และสวนมะนาวของป้าปราณี หวังเตียน ซึ่งอยู่ในพื้นที่โครงการสหกรณ์หมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้รับความเสียหายและช้างป่ายังได้เข้าไปพังรถยนต์เก๋งที่จอดอยู่ในโรงจอดรถหน้าร้านเสริมสวยนานาซาลอน ริมถนนทางเข้าหมู่บ้านป่าละอู เสียหายอย่างหนักซึ่งชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงมาหาแนวทางแก้ไขปัญหาและเยียวยาเป็นการเร่งด่วนหลังช้างป่ามีพฤติกรรมที่เกเรและออกอาละวาดหนักขึ้น จนทำให้ทหารเสียชีวิตไป 1 ราย ตลอดจนพืชผลทางการเกษตร ทุเรียน สวนมะนาว สวนกล้วยและบ้านเรือน รวมทั้งทรัพย์สินในพื้นที่โครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชราชดำริ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
โดยล่าสุด นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้สั่งการให้นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปลัดอำเภอหัวหิน ลงพื้นที่ติดตามแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่โครงการสหกรณ์หมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หลังจากได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อน
ซึ่งนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้เข้าร่วมรับฟังข้อมูลสถานการณ์ปัญหาช้างป่า สภาพพื้นที่ ประชากรช้างป่า ปัญหาและผลกระทบจากช้างป่าที่เกิดขึ้นต่อเนื่องที่หน่วยพิทักษ์ป่าเขาหุบเต่า จาก นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน,นายวุฒิพงษ์ ศรีช่วยผช.หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ,นางสุนันทา พิมพ์ไทย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ,นายมนตรี พานิชพงษ์ ปลัดอำเภอหัวหิน ,นายมนูญ ทองแย้ม กำนันตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ปลัดอบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ ตลอดจนผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก. ทหารชุดรักษาความสงบพื้นที่หัวหิน สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งประเทศไทย (WCS)ฯลฯ
โดยเบื้องต้นสรุปข้อมูลว่าพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายอยู่ในโครงการสหกรณ์หมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ภาพรวมมี 3 หมู่บ้าน ซึ่งทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไม่สามารถเยียวยาให้การช่วยเหลือได้ เนื่องจากอยู่นอกเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ และได้ลงพื้นที่ดูสภาพความเสียหายของสวนทุเรียนของป้าประเทือง นุ่มน้อย พร้อมพูดคุยและให้กำลังและแจ้งถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆกับกรณีช้างป่า
ป้าประเทือง ได้กล่าวรู้สึกดีใจที่หน่วยงานภาครัฐลงมาดูประชาชนบ้าง พร้อมขอเหล็กจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ จำนวน 200 เส้น เพื่อจะมาทำเป็นแนวรั้วกั้นเองโดยจะลงทุเองเพราะเชื่อว่าป้องกันช้างป่าได้ได้ หลังจากนั้นได้เดินทางไปยังบริเวณร้านเสริมสวยนาซาลอน ดูสภาพรยนต์เก๋งที่ถูกช้างพังจนได้รับความเสียหาย และกล่าวให้กำลังใจ ซึ่งนายสุวิทย์ บุญช่วย เจ้าของรถยนต์เก๋งที่เสียหายได้กล่าวว่ายังคงยอมรับว่ายังคงหวาดกลัวช้างป่าอยู่ในช่วงกลางคืน แต่รู้สึกดีที่ทางภาครัฐจะได้เคลื่อนย้ายช้างป่าที่มีพฤติกรรมออกอาบละวาด และทำลายทรัพย์สินออกไปทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหมู่บ้าน
นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้สั่งการให้ อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รายงานเหตุความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากช้างป่าในช่วงนี้ไปยังที่ว่าการอำเภอหัวหิน เพื่อให้นายอำเภอหัวหินเสนอต่อไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พิจารณาตรวจสอบว่าเข้าหลักเกณฑ์ ในการที่จะประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อนำไปสู่การเยียวยาช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีช้างป่าต่อไป
ส่วนในแผนระยะยาวซึ่งทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งร่วมกับทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เพื่อมาจัดสร้างแนวรั้วกันช้างกึ่งถาวรเพิ่มเติมจากที่สมาคมอนุนุรักษ์สัตว์ป่า WCS ประเทศไทย ได้ดำเนินการไว้บางส่วนแล้ว ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในส่วนของรั้วกันช้างกึ่งถาวรเนื่องจากเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร อย่างไรก็ตามระหว่างการดำเนินการ ให้อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ ดำเนินการจัดทำงบประมาณเพื่อนำขุดคูเป็นแนวกันช้างป่าขนาดกันไปก่อน เพื่อเป็นแนวป้องกันช้างป่าไม่ให้เข้ามาด้านในหมู่บ้านอีกทางหนึ่ง และให้ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จัดแผนสำรวจประชากรช้างป่าในพื้นที่ซึ่งมีรายงานว่าขณะนี้มีอยู่ประมาณ 200 ตัว ว่าแต่ละปีมีประชากรช้างป่าเพิ่มมากน้อยขนาดไหน และต้องติดตามว่าในช่วงฤดูแล้งอาหารสำหรับช้างในป่ามีเพียงพอหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อวางแผนป้องกันปัญหาช้างป่าไม่ให้เข้ามาทำลายพืชผลทางการเกษตรและทรัพย์สินของชาวบ้านด้วย
สิ่งสำคัญแนวทางที่ชาวบ้าน อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่โครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน .ประจวบคีรีขันธ์ และคณะกรรมการแก้ไขปัญหาช้างอำเภอหัวหิน ได้เสนอให้ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เคลื่อนย้ายช้างป่าตัวที่มีพฤติกรรมเกเร อาละวาด ทำลายบ้านเรือน พืชผลทางการเกษตรฯลฯ ออกไปจากพื้นที่นั้นเป็นอีกแนวทางที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ไปดำเนินการต่อไป
ขณะเดียวกันนายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่กระจาน กล่าวว่าในประเด็นนี้เบื้องต้นได้มีการสำรวจพฤติกรรมของช้างในภาพรวมพบว่ามีประมาณ 13 ตัว แต่มี 2 ตัว ที่เข้าหลักเกณฑ์การเคลื่อนย้ายออกไป โดยมีการรวบรวมรูปพรรณสัณฐาน ของแต่ละตัวไว้แล้ว รวมทั้งพื้นที่รองรับซึ่งอยู่ห่างไกลชุมที่ห้วยแม่สะเรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งอยู่ห่าไกลจากชุมชน และมีการปลูกแปลงพืชอาหารช้างไว้แล้วถึง 11 แปลง รวมทั้งแหล่งน้ำมีพร้อม อย่างไรก็ตามในการจะตัดสินใจเคลื่อนย้ายช้างป่าจากที่นี่ออกไปต้องรายงานให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้รับทราบและเป็นผู้ตัดสินใจต่อไป หลังจากนั้นทางผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า ทีมสัตว์แพทย์ ลงมาศึกษาและติดตามพร้อมมีส่วนร่วมลงความคิดเห็นอีกครั้ง ซึ่งวิธีการเคลื่อนย้ายจะไช้วิธีการให้ยาซึม หลังจากนั้นจะใช้วิธีการนำขึ้นรถและนำไปปล่อยในพื้นที่ทีเตรียมไว้ ส่วนระยะเวลาอย่างน้อยในการจะตัดสินใจดำเนินการเคลื่อนย้ายอย่างน้อยต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนแต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะดำเนินการได้เมทื่อไหร่
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวว่าว่ารู้สึกดีใจที่หน่วยงานภาครัฐลงมาพบและพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และเห็นด้วยกับแนวทางแก้ปัญหาในด้านต่างๆทั้งการสร้างรั้ว สร้างแหล่งอาหาร สร้างแหล่งน้ำ และที่สำคัญเห็นด้วยที่จะเคลื่อนย้ายช้างป่าตัวที่อาละวาดออกไปอยู่ในพื้นที่อื่นๆ แต่ทั้งหมดก็ต้องช่วยเหลือและเยียวยาชาวบ้านไปด้วย เนื่องจากทั้งพืชผลและทรัพย์สินที่เสียหายนั้นสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก ขณะที่เจ้าของรถยนต์เก๋งคันที่ถูกช้างพังนั้น
ล่าสุดนายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แจ้งให้เจ้าของรถเก๋งคันดังกล่าวทราบว่าจะช่วยเหลือค่าซ่อมรถยนต์แต่ไม่ระบุว่าจำนวนเงิน และจัดเจ้าหน้าที่มาเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ที่ท้ายรถเก๋งเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับช้างป่าก็จะทำให้ทราบว่าเป็นช้างป่าตัวไหน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ หน่วยบริการประชาชนที่ตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามจุดเกิดเหตุบอกว่า เป็นช้างป่ามีงาข้างเดียว และหางไม่ยาวซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบแล้วว่าเป็นช้างพลายบุญมี ที่เข้ามาพังรถ เป็นอีก 1 ตัวที่จะต้องมีการเคลื่อนย้ายไปจากพื้นที่
นางสุนันทา พิมพ์ไทย นายก อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ กล่าวว่าในวันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2560 นี้ได้ออกหนังสือเชิญคณะกรรมการดำเนินการแก้ไขปัญหาช้างป่าซึ่งประกอบด้วยทั้งส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทหารชุดเฉพาะกิจจงอางศึก ตำรวจพลร่วม ภาคประชาชน สื่อมวลชน จะเดินทางไปร่วมประชุมและยื่นหนังสือแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าในพื้นที่โครงการหมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ผ่านนายอำเภอหัวหิน ไปยังคณะกรรมการช้างป่าระดับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่งตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการแห้ไขปัญหาช้างป่าอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้คนกับช้างอยู่ร่วมกัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: