นครพนม – จากกานที่ในสื่อโซเชียลมีเดียได้มีการแชร์เรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Fome Min Cism Chanapon” ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบคัดเลือกบุคคลเป็นจ้างเหมาบริการ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการของกระทรวงแห่งหนึ่งในจังหวัดนครพนม ที่ได้จัดการสอบไปเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่าในการสอบวันนั้นมีผู้สมัครประมาณ 40 คน มีทั้งนักศึกษาจบใหม่ คนว่างงาน คนที่อยากย้ายสายงาน ล้วนแล้วแต่มีความหวังกับการสอบในครั้งนี้ เช่นเดียวกับตนที่อยากกลับไปทำงานที่บ้านหากสอบผ่าน ซึ่งในภาคเช้าได้สอบความรู้ความสามารถทั่วไป และตำแหน่ง ภาคบ่ายสอบสัมภาษณ์
หลังจากตนสอบสัมภาษณ์เสร็จ เวลาประมาณ 17.00 น.ก็ออกจากห้องสัมภาษณ์แล้วไปจองตั๋วรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ เนื่องจากได้ลางานไว้แล้วต้องกลับไปทำงาน กระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. มีคณะกรรมการสอบรายหนึ่งได้ฝากคนมาแจ้งว่า ตนเป็นคนที่สอบได้คะแนนเยอะที่สุดจึงไม่อยากให้เดินทางกลับ อยากให้อยู่เพื่อรายงานตัวในวันถัดไป และอ้างว่ายังไงก็ต้องได้แน่นอน เพราะคะแนนทิ้งห่างกับคนอื่นมาเยอะ ยังไงก็ให้รอดูประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในคืนนี้
ตนจึงตัดสินใจทิ้งตั๋วรถทัวร์ที่จะออกเวลา 19.30 น. กระทั่งเวลา 20.00 น. เว็บไซต์และแฟนเพจหน่วยงานดังกล่าวก็ได้อัพไฟล์ประกาศผลสอบออกมาอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่า ชื่อของตนอยู่อันดับที่ 2 ซึ่งกรรมการสอบรายนั้นก็ยังงงอยู่ว่ายังไงคะแนนของตนสูงที่สุด เป็นแบบนี้ได้ไง กรรมการท่านอื่นก็เห็นตามกัน ตนจึงโทรศัพท์ไปลางานเพิ่มพร้อมบอกเหตุผล พร้อมขอดูคะแนนสอบเพื่อความสบายใจของตัวเอง และความภาคภูมิใจว่าเราทำข้อสอบได้จริงๆ
ต่อมาวันที่ 20 มิ.ย.ได้ไปยื่นหนังสือเพื่อขอดูคะแนนสอบพร้อมกระดาษคำตอบของตัวเอง เมื่อเวลา 09.20 น. แต่หัวหน้าสำนักงานเพิ่งเซ็นแทงออกมาว่าอนุญาตให้ดูคะแนนได้ตอน 16.00 น. ตนก็รีบไปดู ก็เป็นไปตามที่คิดไว้ เพราะจำได้ทุกข้อว่าตอบอะไรไปบ้าง ข้อสอบปรนัย (ความรู้ทั่วไป) 40 ข้อ 40 คะแนน ทำได้ 31 คะแนน ข้อสอบอัตนัย 2 ข้อ ข้อละ 30 คะแนน ได้ 30 และ 27 คะแนน เท่ากับว่าสอบข้อเขียนได้คะแนนทั้งหมด 88 คะแนน จาก 100 คะแนน ส่วนคะแนนสอบสัมภาษณ์ได้ 81 คะแนน รวมแล้วได้คะแนนทั้งหมด 169 คะแนน จาก 200 คะแนน
แต่จุดที่ทำให้ไม่พอใจที่สุด เมื่อไปสืบรู้มาจากคนภายในว่า กรรมการสอบที่ดูแลเรื่องการประกาศผลสอบได้เสนอลำดับชื่อไปแล้วครั้งหนึ่งซึ่งยังเป็นชื่อตนที่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง แต่ปรากฏว่าหัวหน้าใหญ่ของหน่วยงานนั้นบอกว่าให้ตนไปอยู่ลำดับที่ 2 แล้วให้ใครจากลำดับไหนก็ไม่รู้ขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งแทน และเมื่อตนเข้าไปดูคะแนนสอบ ได้เข้าไปพูดคุยกับหัวหน้าใหญ่ของหน่วยงานนั้น เขากล่าวว่า “พี่อยากให้เราเคารพในการตัดสินใจของคณะกรรมการนะคะ พี่เห็นแล้วค่ะ เห็นคะแนนของเราแล้ว คะแนนของเราสูงมาก พี่เชื่อว่าเราสอบได้ พี่เชื่อว่าเราทำงานเก่ง แต่ครั้งนี้อาจจะยังไม่ใช่เวลาของเราก็ได้ค่ะ”
ทั้งนี้ ผู้โพสต์ระบุว่า ตนอยากจะสวนกลับว่า เวลาไหนคือเวลาของตน ไม่ใช่เวลาที่สอบได้คะแนนเยอะใช่ไหม และที่ให้เคารพการตัดสินใจของกรรมการเป็นคนไหน เพราะกรรมการที่ตรวจคำตอบของตน ยังคัดค้านการประกาศผลในครั้งนี้ด้วยซ้ำไป เพราะคนที่ได้คะแนนเยอะที่สุดกลับไม่ใช่คนที่ได้รับคัดเลือก กลับกลายเป็นว่าคนที่ได้รับคัดเลือกคือคนที่ถึงเวลาแล้วงั้นหรือ จึงอยากเห็นความสุจริตใจในการสอบครั้งนี้อยากให้มีการเปิดผลคะแนนของผู้สอบติดบัญชีในครั้งนี้ทุกคน แล้วเปรียบเทียบกันให้เห็นไปเลยว่า คนที่ได้คะแนนเยอะ ไม่ได้ถูกเลือกเหมือนคนที่ถึงเวลา คนไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่ แล้วจะเปิดสอบให้เสียเวลาทำไม ในเมื่อระเบียบการจ้างเหมาบุคคลก็สามารถจ้างได้โดยวิธีการเจาะจงได้อยู่แล้ว เปิดสอบทำไม สอบเพื่อที่จะได้ให้โอกาสแล้วให้ติดบัญชีไว้โก้ ๆ อย่างนั้นใช่หรือเปล่า สัญญาจ้างก็สัญญาจ้างหนึ่งปี บัญชีก็มีอายุแค่ 1 ปี หมดหนึ่งปีก็จบ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อกับนางอภิญญา ชมพูมาศ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ผู้โพสต์ระบุถึง ซึ่งนางอภิญญา ยอมรับว่าตามวันเวลาดังกล่าวมีการสอบคัดเลือกจริง โดยผู้โพสต์คือนายชนะพล แสงชา สอบได้คะแนนข้อเขียนเป็นอันดับหนึ่งจริง แต่เมื่อนำมารวมกับคะแนนสอบสัมภาษณ์แล้วก็ต่ำกว่าคนอื่นจึงไม่ได้รับการประกาศชื่อ
ซึ่งตนขอชี้แจงเรื่องนี้เป็นข้อ ๆ ดังนี้
1.กรณีที่บอกว่ามีคนภายในส่งข่าวว่าตนได้คะแนนสูงสุดและอยู่อันดับหนึ่งนั้นในเบื้องต้นถูก
แต่ภายหลังที่ตรวจสอบความถูกต้องของคะแนนข้อเขียนพบข้อมูลที่ผิด และบวกกับคะแนนสัมภาษณ์ จึงทำให้ผู้ร้องอยู่อันดับที่ 2
2.กรณีกรรมการบางคนคัดค้านผลคะแนน ก็อาจจะมี แต่เนื่องจากกรรมการมีหลายคน ผลการสอบจึงอยู่ที่ผลรวมของกรรมการหลายคน. ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
3.กรณี ได้พูดกับน้องผู้ร้องว่าได้คะแนนสูงมากนั้น หมายถึงคะแนนสอบข้อเขียน แต่เมื่อมารวมกับคะแนนสอบสัมภาษณ์แล้วคะแนนน้อยกว่าคนที่ได้อันดับหนึ่ง. และที่เชิญมาคุยด้วยเพราะแคร์ความรู้สึกน้อง อยากให้กำลังใจ ในฐานะน้องเคยรู้จัก
โดยตนขอยืนยันว่า การสอบครั้งนี้ ตนไม่ได้มีโอกาสสอบสัมภาษณ์น้องๆ จึงเคารพในคะแนนที่คณะกรรมการให้มา และขอยืนยันว่าตนไม่รู้จักผู้เข้าสอบเป็นส่วนตัวสักคนและไม่มีนอกมีในใดๆทั้งสิ้น สามารถตรวจสอบกับคนที่สอบได้ที่ 1 ได้
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เพื่อความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ล่าสุดนายสมชาย วิทย์ดำรง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม สั่งการให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน โดยให้ชะลอการทำสัญญาจ้างกับคนที่สอบได้ที่หนึ่งไว้ก่อน หากพบว่าการสอบครั้งนี้มีข้อผิดพลาด หรือไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม ให้ยกเลิกประกาศผลสอบดังกล่าวแล้วเปิดสอบใหม่ โดยให้บุคคลภายนอกมาเป็นกรรมการสอบแทน
