จากกรณีที่หลายพื้นที่ประสบกับปัญหาเรื่องของน้ำเค็มที่ทะลักเข้าไปตามแม่น้ำลำคลองต่างๆ ส่งผลกระทบในหลายๆด้าน ทั้งด้านการอุปโภค บริโภค ด้านการเกษตร และเลี้ยงสัตว์ สาเหตุมาจากปัญหาภัยแล้ง ซึ่งมีปริมาณน้ำน้อย ทำให้ช่วงน้ำทะลุหนุนนั้นไม่มีน้ำจืดผลักดันน้ำเค็มให้ออกไป
ซึ่ง จ.ราชบุรี ก็เป็นอีกจังหวัดหนึ่งซึ่งเคยเกิดปัญหาน้ำเค็มทะลักเข้าพื้นที่ใน ปีพ.ศ.2558 ที่ผ่านมาในช่วงนั้นส่งผลให้ประชาชนที่ปลูกพืชผักได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมชลประทานนั้นได้นำเอาปัญหาน้ำเค็มรุกพื้นที่ ในปีพ.ศ.2558 นั้น มาเป็นโมเดลในการแก้ไขปัญหา และมาเป็นแนวทางในการป้องกันน้ำเค็ม ทะลักเข้าตามคู คลองต่างๆ เนื่องจากจังหวัดราชบุรี นั้นมีพื้นที่ติดต่อกับสองจังหวัดที่อยู่ติดกับทะเล คือจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงคราม
ในวันนี้(7 ม.ค.63) ผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไปพูดคุยกับนายสัญญา อี้โค้ว อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 3 ต.ท่าคา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมในเขตรอยต่อ ระหว่าง จ.ราชบุรี และจ.สมุทรสงคราม ก็บอกว่าตั้งแต่ทางชลประทานมาสร้างประตูกั้นน้ำเค็มบริเวณคลองลำประโดง ก็ทำให้น้ำเค็มนั้นไม่เข้ามาในพื้นที่ ถึงแม้จะมีมาบ้างแต่ก็น้อย ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร เพราะตนเองนั้นปลูกมะพร้าวน้ำเค็มจึงไม่มีผลอะไร แต่ถ้าเข้ามามากๆก็จะส่งผลกระทบกับเกษตรกรที่ปลูกพืชล้มลุก
ด้านนายเฉลิมวรรษ อินทชัยศรี นายช่างชลประทานอาวุโส และเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน ของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดำเนินสะดวก สำนักชลประทานที่ 13 กรมชลประทาน ก็บอกว่า ทางสำนักได้นำปัญหาน้ำเค็มรุกใน ปีพ.ศ.2558 มาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางป้องกัน จนทำให้ในปีนี้ที่อื่นอาจจะได้รับผลกระทบจากน้ำเค็มที่ทะลักเข้ามา แต่ในพื้นที่จ.ราชบุรี นั้นขอยืนยันได้ว่าขณะนี้น้ำเค็มนั้นยังไม่ทะลักเข้ามาในพื้นที่ เพราะมีการสร้างประตูระบายน้ำในทางคลองสายหลักหลายแห่งที่ติดต่อกับพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม และจ.สมุทรสาคร เพื่อปิดกั้นน้ำเค็มทะลักเข้ามา และจะมีการตรวจวัดค่าความเค็มในน้ำทุกวัน ถ้ามีน้ำเค็มเข้ามามากเกินไป ทางชลประทานก็จะสามารถปล่อยน้ำจืดจากเขื่อนในจ.กาญจนบุรี เข้ามาไล่น้ำเค็มออกได้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร ประกอบกับในช่วงนี้น้ำทะเลไม่หนุนจึงยังไม่มีผลกระทบอะไรกับประชาชน ทั้งในพื้นที่อำเภอดำเนินสะดวก และอำเภอบางแพ ซึ่งอยู่กับสองจังหวัดที่ติดทะเล
ส่วนเรื่องของภัยแล้งนั้น กรมชลประทานได้มีการวางแผนการบริหารจัดการน้ำไว้เป็นช่วงระยะเวลา คาดการณ์น้ำต้นทุนของเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ในช่วงฤดูแล้งมีปริมาณน้ำใช้การได้ ประมาณ 9,200 ล้าน ลบ.ม. วางแผนจัดสรรน้ำไว้ทั้งหมด 5,700 ล้าน ลบ.ม. แยกเป็นการเกษตร 3,180 ล้าน ลบ.ม. เพื่อการอุปโภค บริโภค 460 ล้านลบ.ม. และรักษาระบบนิเวศน์รวมทั้งระบบอื่นๆ 2,060 ล้าน ลบ.ม. สนับสนุนการเพาะปลูกประมาณ 2.07 ล้านไร่ คาดว่าตามแผนที่ทางกรมชลประทานวางไว้ จะทำให้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ราชบุรี ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: