เพชรบูรณ์-โวยบ่อขยะเทศบาลฯหล่มสักสร้างมลพิษมากว่า 40 ปี จนชาวบ้านทนไม่ไหวลุกฮือเรียกร้องให้ย้ายพ้นจากชุมชน นัดสื่อฯทัวร์บ่อขยะหวังให้รัฐบาลรับรู้ถึงความทุกข์ชาวบ้าน
วันที่ 1 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในเขตพื้นที่ตำบลหนองสว่าง ตัดสินใจลุกฮือขึ้นมาเรียกร้องให้มีการย้ายบ่อทิ้งขยะเทศบาลเมืองหล่มสัก ซึ่งอยู่บริเวณริมถนนทางหลวงสายหล่มสัก-หล่มเก่า ต.หนองสว่าง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ออกพ้นชุมชน พร้อมนัดสื่อลงพื้นที่ดูบ่อขยะแห่งนี้และรับฟังเสียงชาวบ้าน หลังต้องทนทุกข์กับปัญหาบ่อทิ้งขยะแห่งนี้ที่สร้างทนมลพิษทั้งกลิ่นเหม็นและน้ำเสียไม่ไหวมาเป็นเวลากว่า 40 ปี ขณะเดียวกันก็ไม่เชื่อมั่นทางภาคราชการในท้องถิ่นและจังหวัดจะแก้ไขปัญหาให้อย่างจริงจัง
โดยนายเจษฎา โสภา แกนนำกลุ่มคัดค้านบ่อทิ้งขยะดังกล่าว ระบุว่า ที่ผ่านมาทางเทศบาลฯเคยรับปากจะย้ายบ่อทิ้งขยะบริเวณนี้ออกไป แต่จนถึงปัจจุบันนอกจากไม่ยอมย้ายออกแล้ว ยังจะให้ภาคเอกชนนำวีธีคัดแยกขยะและนำขยะพลาสติกไปรีไซเคิลให้เป็นน้ำมัน โดยชาวบ้านเชื่อว่าก็ยังต้องทิ้งมลพิษไว้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านอยู่ดี
ข่าวน่าสนใจ:
นายเจษฎากล่าวว่า บ่อทิ้งขยะแห่งนี้มีเนื้อที่ราว 16 ไร่เศษ มีกองขยะถูกกองทิ้งสูงเท่าภูเขา มีปริมาณขยะสะสมมากกว่า 1 แสนตัน โดยบ่อขยะอยู่ใกล้ชุมชนแต่ยังอยู่ใกล้เคียงสถานที่ราชการอีกหลายแห่งด้วย ที่ผ่านมาสร้างมลพิษทั้งทางด้านกลิ่นเหม็นและยังมีผลกระทบเรื่องน้ำเสีย จนทำให้แหล่งน้ำในชุมชนและไร่นาของชาวบ้านได้รับผลกระทบ นอกจากนี้วันดีคืนดีก็จะมีไฟไหม้กองขยะทำให้เกิดกลุ่มควันเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ และไม่มีวิธีบริหารจัดการกันเป็นอย่างระบบ จนวันนี้ชาวบ้านทนไม่ไหวจึงต้องลุกขึ้นมาเรียกร้อง
นายเจษฎากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทางอำเภอหล่มสักร่วมประชุมกัน ซึ่งทางกลุ่มฯได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมด้วย แต่ในการประชุมนอกจากไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาตามที่ชาวบ้านต้องการแล้ว ยังมีท่าทีแสดงถึงความไม่จริงใจอีกด้วย ทำให้ชาวบ้านขาดความเชื่อมั่นว่า ความทุกข์ร้อนที่ประสบอยู่ในขณะนี้จะได้รับการปัดเป่าและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ส่านสาเหตุที่นัดสื่อลงพื้นที่ดูบ่อทิ้งขยะในวันพรุ่งนี้(2 ก.ค.) ต้องการให้รัฐบาลได้รับรู้ว่าชาวบ้านต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน และต้องการให้ยื่นมือมาแก้ไขปัญหา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: