เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ พร้อมกลุ่มเครือข่าย ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุลอบวางระเบิดในสวนยางพารา 4 ครั้งในรอบ 7 วัน ในพื้นที่ยะลา
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 เวลา 18.00 น. เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ได้ออกแถลงการณ์ ประณามการก่อเหตุอย่างโหดร้ายและไร้มนุษยธรรม โดยมีข้อความว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 นางสาววิภาวรรณ ปลอดแก่นทอง อายุ 33 ปี ม.1 บ้านแค่ ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา ขณะออกไปกรีดยางในสวนยางพารา เหยียบกับระเบิดทำให้ขาซ้ายขาดใต้หัวเข่าบาดเจ็บสาหัส ในขณะเข้าไปกรีดยาง และวันที่ 30 มิถุนายน 2561 เวลา 05.20 น. นายชุติพนธ์ นามวงค์ อายุ 48 ปี ชาวบ้าน ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา ขณะกำลังกรีดยาง โดนระเบิดของคนร้ายบาดเจ็บสาหัส ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.30 น. นายสุทิน แห้วขุนทด อายุ 60 ปี เลขที่ 1/7 หมู่ 2 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดเหตุระเบิดบริเวณใต้โคนต้นยางพารา ปลายเท้าขวาขาดอาการสาหัส และล่าสุดวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 เวลา 06.30 น. นายสุโข คำแก้ว อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 6 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อำเภอบันนังสตา จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในสวนยางพารา บ้านกาสังใน
จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีข้อสังเกตว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดเป็นชาวไทยพุทธในพื้นที่สวนยางที่ชาวบ้านประกอบสัมมาอาชีพตามปกติ การกระทำดังกล่าวอาจมีเจตนาแอบแฝง ไม่ใช่แต่เพียงสร้างความเดือดร้อนเสียหายแกชาวพุทธในพื้นที่ซึ่งเป็นประชากรส่วนน้อย แต่ยังอาจหมายถึงการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนในพื้นที่เพื่อหวังผลในการสร้างความเกลียดชังทางชาติพันธุ์ต่อกัน
เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ขอประณามการก่อเหตุที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรม พร้อมมีข้อเสนอดังต่อไปนี้ 1.กลุ่มผู้ก่อการ หรือกลุ่มใดๆ ควรยุติการกระทำอันโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมต่อพลเรือน 2.กลุ่มผู้ก่อการ หรือกลุ่มใดๆ ควรยุติการใช้ทุ่นระเบิดต่อการสังหารบุคคลและยุติการโจมตีพลเรือนทันที “การวางทุ่นระเบิดบนพื้นที่ปลูกยางพาราและเส้นทางที่ชาวบ้านใช้เป็นสิ่งที่โหดร้าย” 3.กลุ่มผู้ก่อการ หรือกลุ่มใดๆ ควรปฏิบัติตามสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิดในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเมื่อปี พ.ศ. 2544 ห้ามมิให้มีการสังหารหมู่เนื่องจากไม่สามารถแยกแยะระหว่างพลเรือนและพลรบ และขอเรียกร้องให้ 1.ให้นักสิทธิมนุษยชน ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมรับข้อร้องเรียนโดยด่วน 2.ให้รัฐบาล และคู่พูดคุย เร่งดำเนินงานให้กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการพูดคุยทั้งสองฝ่าย เข้าร่วมกระบวนการพูดคุยโดยด่วน 3.ให้องค์กรภาคประชาสังคม ออกมาแสดงถึงการไม่เห็นด้วยต่อการกระทำอันโหดร้ายและ ไร้มนุษยธรรมต่อพลเรือน 4.หน่วยงานของรัฐ และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการป้องกันและปกป้องไม่ให้การกระทำดังกล่าวเกิดซ้ำ โดยการสร้างพื้นที่การพูดคุยระหว่างกัน เพื่อเป็นการลดอคติต่อกัน และ 5.รัฐเร่งนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
สำหรับองค์กรที่เข้าร่วม แถลงการณ์นี้ ประกอบด้วย สมาคมไทยพุทธรักชาติ สมาคมฟ้าใสส่งเสริมสุขภาวะเด็กและเยาวชนชายแดนใต้ ชมรมพุทธรักษาจังหวัดชายแดนใต้ กลุ่มรวมพลังไทยพุทธ กลุ่มจ้าวสมุทร และกลุ่มพิทักษ์ไทย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: