ชุมพร–ดินทับบ้านน้ำป่าพัดบ้านพัง กราบเท้า ผวจ.ช่วยบ้านพังซ้ำ สะพานหักงอ
วันที่ 14 ก.ค. 61 ที่ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ได้เกิดพายุฝนตกกระหน่ำติดต่อกันมานานกว่า 5 วันที่ผ่านมา ทำให้เกิดสภาวะภัยธรรมชาติในพื้นที่ อ.พะโต๊ะไปทั่วทั้งอำเภอ นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร พร้อมด้วย นายธีรยุทธ จันทร์ดิษฐ์ทะวงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดชุมพร นายอัครชัย ชัยจิระฉายากุล นายอำเภอพะโต๊ะ รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ จุดต่างๆใน อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร
ข่าวน่าสนใจ:
- มุกดาหาร ชาวคริสต์นับหมื่น ร่วมฉลอง 84 ปี วีรกรรมแห่งความเชื่อ ณ สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขีสองคอน
- พบดาวดวงใหม่ ลูกเสือโคร่งหน้าแบ๊ว
- เพชรบูรณ์ - ว่าที่ผู้สมัครชิง ส.อบจ.เพชรบูรณ์หน้าใหม่ บุกหนักขยันลงพื้นที่
- เดือดกลางวอล์กกิ้ง ปมขัดแย้งร้านบีบีกัน ควงมีด ควงปืน หมายเปิดศึก พลเมืองดีห้ามวุ่น หวั่นนทท.ถูกลูกหลง
ที่หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 1 ตำบลพะโต๊ะ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 1 ของนางสุจิตรา รอดสุด อายุ 47 ปี ซึ่งถูก ดินจากภูเขาพะโต๊ะ เลื่อนไถลหล่นลงมาทับบ้าน นายวิบูลย์ได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พบว่ามีดินจากภูเขาบริเวณไหล่ภูเขาขนาดความสูงร่วม 10 เมตรไหลลงมาทับหลังคาบ้านดังกล่าว ในขณะที่ภายในบ้าน มีนางสุจิตราและลูกสาวอายุ 11 ขวบ หลานสาวอายุ 5 ขวบ 2 คน แต่ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ปริมาณดินจำนวนมากได้ไหลเข้าสู่ห้องครัว ห้องนอนและบริเวณบ้าน ทำให้ไม่สามารถอยู่อาศัยในจุดดังกล่าวได้ นายวิบูลย์สั่งการให้ นายอำเภอพะโต๊ะ และองค์การบริหารส่วนตำบลพะโต๊ะรวมถึง ปภ.ชุมพร หาแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนซึ่งได้รับคำชี้แจงว่าต้องรอให้ฝนหยุดตกสักระยะหนึ่งก่อน จึงจะสามารถนำเครื่องมือจักรกลหนักเข้ามาทำการแก้ไขปัญหาได้
ต่อจากนั้นคณะของผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรได้เดินทางไปยังหมู่ที่ 5 บ้านทับขอน ตำบลปากทรง อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพรเพื่อตรวจเยี่ยมชาวบ้านที่ถูกกระแสน้ำป่าพัดลงมาทำให้บ้านจำนวน 10 หลังคาเรือนได้รับความเสียหาย กำนันตำบลปากทรงรายงานต่อผู้ว่า ถึง เหตุการณ์ว่าที่ผ่านมาในช่วงเวลาเช้าได้เกิดน้ำป่าไหลลงมาจากภูเขาปากทรงทำให้บ้านชาวบ้านซึ่งอยู่ริมห้วยทับขอน โดนกระแสน้ำป่ามีความสูงประมาณ 3 ถึง 4 เมตรพัดบ้านเสียหายบางส่วน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจนถึงเวลานี้เหตุการณ์โดยทั่วไปกับคืนสภาวะปกติ แต่ยังคงมีถนนเส้นปากทรง-ทับขอน ได้รับความเสียหายบางช่วงไม่สามารถสัญจรได้ ในเวลานั้นได้มีนายพิรุณ ศรีสังข์ อายุ 94 ปี บ้านเลขที่ 5/5 หมู่ที่ 5 ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ พยายามเดินถือไม้เท้าเพื่อมาพบ ผวจ.ที่มาเยี่ยม ผู้ประสบภับด้วยความปลื้มปิติที่ ผวจ.ชุมพรไม่ทอดทิ้งชาวบ้าน พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์นาทีชีวิตที่เกิดขึ้นให้ผู้ว่าได้รับทราบ นายวิบูลย์ได้ให้กำลังใจแก่ชาวบ้านและมอบถุงยังชีพแก่ชาวบ้านพร้อมทั้งสั่งการให้มีการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อหาทางแก้ไขต่อไป
ต่อมาในขณะที่ คณะของนายวิบูลย์ กำลังจะเดินทางกลับ ผวจ.ชุมพรขอเข้าห้องน้ำในร้านอาหาร และกำลังสวมรองเท้า ได้มี นางแคทรียา แพ่งแป้น 57 บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ที่ 10 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร อาชีพทำสวน ได้ตรงเข้า เข้ากราบที่เท้าของนายวิบูลย์ พร้อมทั้งร้องไห้ขอความช่วยเหลือ และนำภาพถ่ายบ้านที่ได้รับความเสียหาย ทำเอา นายอัครชัย นายอำเภอพะโต๊ะ และ ผวจ.ชุมพร รีบประคองให้ ลุกขึ้น และให้ เล่าความเดือดร้อน นางแคทรียา กล่าวว่า “บ้านของตนเอง อยู่ริมคลองจอก ใน ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ธ ถูกน้ำป่าพัดพังมาหลายครั้ง ทางราชการรับปากจะเข้ามาช่วยซ่อมแซมแต่ไม่เคยมา ต้องควักเงินเองมาตลอดทั้งที่มีความยากจนมาก ต้องกู้หนี้ยืมสิน จนมาเมื่อสองวันที่ผ่านมาก็ ได้เกิดน้ำป่าพัดบ้านหายไปครึ่งหลัง จนไม่สามารถอาศัยได้ และหมดเนื้อหมดตัวแล้วขอให้ ผวจ.ชุมพรช่วยจริงๆสักครั้ง”
ต่อมา คณะของ ผวจ.ชุมพร ได้รับรายงาน จาก นายประภาส อินเกล้า กำนัน ต.พะโต๊ะ ว่า น้ำป่ากำลัง พัดสะพานข้ามแม่น้ำพะโต๊ะ ที่ หมู่ที่6 ต.พะโต๊ะ ได้รับความเสียหายหนักมาก จึงรีบรุดไปตรวจสอบพบ ว่า ที่สะพานบ้านในหยาน มีน้ำป่ากำลังไหลหลากลงมาทะลักเข้าสู่สะพานอย่างรุนแรง ทำให้ สะพานคอนกรีตความยาว ร่วม 200 เมตร 2 ช่องการจราจร เกิดการหักงอ เป็นช่วงๆ จากพื้นถนนเรียบ จึงกลายเป็นถนนที่หักเป็นรูปสามเหลี่ยม ประมาณ 3 ช่วง ราวสะพาน แยกออกจากกัน เมื่อยืนบนสะพานพบว่ามีอาการสั่นสะเทือนจากแรงน้ำกระแทกตลอดเวลา” นายวิบูลย์ ได้สั่งการให้เก็บรายละเอียดไว้และ แจ้งเตือน ชาวบ้านในระมัดระวังในการใช้สะพาน เมื่อเหตุการณ์ปกติ จะได้ เร่งทำการซ่อมแซม” สะพาน ดังกล่าว ข้ามไปยัง บ้านเรือนชาวบ้านอีก 6 หมู่บ้าน 2 ตำบล คือ ตำบลพะโต๊ะ และ ตำบลปากทรง มีชาวบ้านนับพันคนต้องขนสินค้าทางเกษตรเดินทางผ่านสะพานดังกล่าวตลอดเวลา และ ไม่มีเส้นทางหลีกเลี่ยงทางอื่นอีก ทำให้ชาวบ้านต้องยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อผ่านสะพานตัวนี้ ชาวบ้านที่ต้องขับนรถข้ามสะพานจะจอดรถดูสถานการณ์ แล้วจึงกล้าขับรถผ่าน ในขณะที่พายุฝนยังคงพัดกระหน่ำใน จ.ชุมพรตลอดเวลา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: