X

ปูด!ชาวบ้านนับร้อยวอนเร่งช่วยแฉจุดล่มสลายฟอกกทบ.ถูกจนท.กทบ.ตุ๋นร่วมลงทุนสูญกว่า120ล้าน

ชัยภูมิ – ในเบื้องต้นยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากยังไม่กล้าเข้าแจ้งความ หลังถูกสาวใหญ่ซึ่งอ้างเป็นจนท.กองทุนหมู่บ้าน หรือ กทบ.หลอกให้นำเงินจำนวนมากกว่า รายละ 2 แสน-5 ล้านบาท มาร่วมลงทุนปล่อยกู้นอกระบบผ่านกองทุนหมู่บ้าน หวังได้กำไรคืนมากกว่ารายละ 2 เท่า ต้องเดือดร้อนหนักหลังถูกหลอกสูญเงินเป็นหนี้สินตามมาอีกจำนวนมากสูงกว่า 120 ล้านบาท หลังถูกหลอกร่วมลงทุนในครั้งนี้สาวใหญ่ที่อ้างตัวเป็นจนท.กทบ.หลังถูกจับแล้วกลับทำหายเงียบ ซึ่งมีผู้ถูกหลอกในเบื้องต้นที่เริ่มเข้าแจ้งความต่อเนื่องตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่นมารวมแล้วมากกว่า 70 ราย ในรอยต่อ 3 อำเภอของอ.หนองบัวแดง,เกษตรสมบูรณ์ และอ.ภักดีชุมพล ยังแห่ขึ้นโรงพักเข้าแจ้งความต่อเนื่องวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งยื่นมือช่วย หลังไปหาเงินทั้งกู้ยืมจากธนาคาร นำรถไปเข้าไฟแนนท์ จำนองบ้านดินที่ หวังนำเงินมาร่วมลงทุนกลับถูกหลอกหายเงียบในพริบตายได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมากกว่า ไม่น้อยกว่า 120 ล้านบาท!

Video Player is loading.
Current Time 0:00
/
Duration 0:00
Loaded: 0%
0:00
Progress: 0%
Stream Type LIVE
Remaining Time -0:00
 
1x

( 18 ก.ค.61 ) ขณะที่จ.ชัยภูมิ ได้มีชาวบ้านในเขตรอยต่อกว่า 3 อำเภอ ในเขตอำเภอหนองบัวแดง ,อำเภอเกษตรสมบูรณ์ และอำเภอภักดีชุมพล ในกว่า 70 หมู่บ้าน ได้พากันร่วมเดินทางไปยังศาลาประชาคมของอำเภอหนองบัวแดง และเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สภ.หนองบัวแดง เพื่อยื่นเอกสารร้องทุกข์แก่ตัวแทนเจ้าหน้าที่กองทุนหมู่บ้าน หรือ กทบ.จังหวัดชัยภูมิ

หลังเกิดกรณีถูก นางหนูคิด  พลธรรม ซึ่งเป็นลูกจ้างจนท.ประจำกองทุนหมู่บ้านเครือข่ายประจำอำเภอหนองบัวแดง หลอกให้ชาวบ้านพากันมาร่วมทำสัญญาลงทุนสูงกว่ารายละ 200,000 – 5,000,000 บาท ซึ่งจะได้ผลตอบแทนกลับมาสูงกว่าเท่าตัวโดยจะมีผลตอบแทนดอกเบี้ยสูงร้อยละ3-10ต่อสัปดาห์ ใครลงทุน 200,000 บาท ก็จะได้กลับมา 400,000 บาท ใครลงทุน 1,500,000 บาท ก็จะได้กว่า 3,000,000 บาท หรือใครลงมากว่า 3,000,000 บาท ก็จะได้กว่า 6,000,000 บาท เพื่อเข้าร่วมโครงการของกองทุนหมู่บ้าน ที่อ้างว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล เพื่อจะได้นำไปปล่อยกู้ให้กับกองทุนหมู่บ้านต่างๆในพื้นที่ที่ขาดสภาพคล่องไม่สามารถเก็บเงินจากสมาชิกจากกองทุนในหลายหมู่ได้ครบและไม่สามารถปิดงบดุลประจำปีได้

จนมีชาวบ้านหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก ต่างนำเงินมาร่วมลงทุนครั้งนี้ ที่มีชาวบ้านในหลายพื้นที่ถูกตระเวณหลอกร่วมโครงการในครั้งนี้มากกว่า 3 อำเภอ ในเขตอ.หนองบัวแดง,เกษตรสมบูรณ์ และภักดีชุมพล มีผู้เสียหายมากกว่า 70 ราย ในเบื้องต้น รวมมีเงินมูลค่าการถูกหลอกร่วมลงทุนครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 120 ล้านบาท

Video Player is loading.
Current Time 0:00
/
Duration 0:00
Loaded: 0%
0:00
Progress: 0%
Stream Type LIVE
Remaining Time -0:00
 
1x

 

ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้นำเงินที่มีทั้งเก็บที่สะสมมาทั้งชีวิตนำมาลงทุนจนหมดตัว รวมทั้งบางคนนำรถยนต์ไปเข้าไฟแนนท์และหลายคนนำบ้านที่ดินไปจำนองธนาคารเพื่อนำเงินมาร่วมลงทุนครั้งนี้กันจำนวนมาก เพราะหวังกำไรตอบแทนที่ล่อตาล่อใจจำนวนมาก

แต่ตั้งแต่เมื่อมีการทำสัญญาร่วมลงทุนครั้งนี้ไปแล้วมาตลอดช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เดือน พ.ค.61 เจ้าหน้าที่ลูกจ้างกองทุนรายนี้ กลับหนีหายตัวเงียบติดต่อไม่ได้ไปพร้อมกันเงินลงทุนจำนวนมากกว่า 120 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านที่ร่วมลงทุนต่างเริ่มเดือดร้อนหนักเพราะธนาคารที่ไปกู้ยืมมา รวมทั้งไฟแนนท์เริ่มทวงหนี้เพราะขาดส่งงวดหลังจากเกิดเรื่องติดต่อเจ้าหน้าที่ลูกจ้างรายนี้ไม่ได้ขึ้น

โดยนายบุญเรือง ไชยสงค์ อายุ 64 ปี อดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอหนองบัวแดง เปิดเผยว่าขณะนี้ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวได้รวมตัวกันอีกเป็นครั้งที่2 เพื่อมาถวงถามความคืบหน้าต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางอำเภอหนองบัวแดง หลังได้พากันทยอยเข้าร้องทุกข์แจ้งความมาต่อเนื่องในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว

หลังจากเมื่อช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาได้รวมตัวกันเดินทางไปแจ้งความกับ จนท.ตร.สภ.หนองบัวแดง จนไปสู่การจับกุมนางหนูคิด พลธรรม ผู้ถูกกล่าวหาได้แล้ว และขณะนี้เองผู้ถูกกล่าวหาอยู่ระหว่างการฝากขังผลัดที่2ที่ศาลจังหวัดภูเขียว โดยการรวมตัวกันในครั้งนี้อีกเนื่องจากพวกตนกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเนื่องจากเริ่มถูกทวงถามหนี้แต่ละรายจากธนาคารและบริษัทไฟแนนท์ที่ชาวบ้านไปกู้เพื่อนำเงินมาร่วมลงทุนต้องเดือดร้อนมากขณะนี้ และไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหนมาคืนให้ได้

และประเด็นสำคัญคือขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือมาช่วยชาวบ้านอย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใดเลย จึงได้รวมตัวกันอีกครั้งเพื่อยื่นเอกสารให้กับตัวแทนจนท. กองทุนหมู่บ้านจ.ชัยภูมิ ให่ส่งตัวแทนมาพบอีกครั้งเพื่อฝากวิงวอนไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โปรดช่วยชาวบ้านในครั้งนี้ด้วย เพื่อมีการแอบอ้างโครงการของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องในครั้งนี้เป็นการด่วนด้วย

และยังมีขบวนการเริ่มมีการวิ่งเต้นให้ชาวบ้านไปถอนแจ้งความดำเนินคดี แก่นางหนูคิด  พลธรรม ที่แอบอ้างเป็นจนท.กทบ.ในครั้งนี้ด้วย เพื่อให้ยุติเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย และยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ไม่กล้าเข้าแจ้งความอีกจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหายอีกทั้งหมดอีกจำนวนมากกว่า 100 ล้านบาท

ทางด้านนางชิราวรรณ  ทิพย์สงค์ อายุ 64 ปี ข้าราชการครูบำนาญหนึ่งในผู้เสียหาย ที่ได้สูญเสียเงินไป 8.5แสนบาท หลังถูกชักชวนจากผู้ผู้หารายนี้ ให้นำเงินมาร่วมลงทุนปล่อยกู้โดยได้ทำสัญญากู้ยืมกันที่สำนักงานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านอำเภอหนองบัวแดง ซึ่งตนเองไม่เคยคาดคิดว่าจะโดนหลอกทำให้สูญเงินก้อนสุดท้ายที่ได้รับจากเงินบำนาญที่เก็บไว้ใช้ในยามชราภาพซึ่งขณะนี้ทำให้มีปัญหาภายในครอบครัวตามมาอีกต้องพาครอบครัวเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมากด้วย

ส่วนผู้เสียหายอีกรายที่สูญเงินก้อนใหญ่กว่า 4.5ล้านบาท คือนายเอนก  ตั้งทรัพย์ อายุ 45 ปี กล่าวว่าขณะนี้ตนเองและชาวบ้านเกือบ70รายที่ถูกหลอกให้นำเงินไปลงทุนปล่อยเงินกู้กับนางหนูคิด พลธรรม ผู้ต้องหารายนี้ ตอนนี้กำลังได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากและเริ่มมีปัญหาครอบครัวที่ไม่เข้าใจและรวมทั้งธนาคารบริษัทไฟแนนท์เริ่มมีหนังสือถวงถามหนี้เพราะขาดส่งเงินค่างวดที่ได้ไปกู้เงินมาลงทุนในครั้งนี้ตามมาอีกจำนวนมากด้วยเช่นกัน

ล่าสุดด้าน นายศุภมิตร  ชลประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการความรู้และสารสนเทศ กทบ.ได้เดินทางมารับฟังปัญหาและรับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวจากกลุ่มชาวบ้านผู้เสียหายและรับปากในเบื้องต้นว่าจะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้เร็วที่สุดเพื่อเสนอหาแนวทางชาวบ้านที่ถูกหลอกจากจนท.กบท.ในครั้งนี้เป็นการด่วนต่อไป

ส่วนทางด้าน ร.ต.อ.ปิยะพงษ์  ธาราวดี พนักงายสอบสวนสภ.หนองบัวแดง เจ้าของคดีกล่าว่าในส่วนของคดีนั้นขณะนี้ทางด้าน พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ชัยภูมิ ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการสอบสวนและมีการจับกุมนางหนูคิด  พลธรรม ผู้ถูกกล่าวหารายนี้ไว้ได้แล้วและกำลำเร่งสอบสวนปากคำและพยานต่างๆยังไม่แล้วเสร็จ จึงได้ขออำนาจศาลจังหวัดภูเขียวฝากขังเป็นพลัดที่2แล้วและยื่นคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนเพื่อนำตัวผุ้ต้องหารายนี้ฝากขังที่เรือนจำภูเขียวไปแล้ว

ซึ่งขณะนี้มียอดผู้เสียหายที่ทยอยเดินทางเข้าแจ้งความแล้วทั้งหมดจำนวน 32 รายยอดความเสียหายเบื้องต้นสูงกว่า 42,834,000 บาท ซึ่งยังมีผู้เสียหายที่ยังไม่เข้าแจ้งความอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมูลค่าความเสียหายครั้งนี้จะแยกเป็น2ส่วน คือส่วนของเฉพาะรายบุคคลจะมีสัญญาเงินกู้ และส่วนของเงินกองทุนของแต่ละหมู่บ้านซึ่งจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานส่งดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้เบื้องต้นในข้อหาฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ผู้อื่นได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมกาต่อไป

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

น้อมรับการทำหน้าที่สื่อเพื่อประชาชนมายาวนานกว่า25ปีเพื่อชาวชัยภูมิพร้อมเป็นเครือข่ายการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีในนามสมาคมนักข่าวจังหวัดชัยภูมิและชมรมสื่อมวลชนชัยภูมิพร้อมรับใช้ชาวชัยภูมิและเป็นเวทีให้กับประชาชนทุกท่านตลอดไปมีอะไรเดือดเนื้อร้อนใจติดต่อมาที่ทีมงาน77ข่าวเด็ดชัยภูมิเราได้หรือที่suttipong08@gmail.com