กล้องวงจรปิดจับภาพใบหน้าและพฤติกรรมวินาทีระทึกคนร้ายควงปืนบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ร้านทองย่านบางบัวทอง กวาดทองรูปพรรณหนักกว่า 50 บาทหนี แต่ไม่รอดถูกตำรวจรวบได้ในเวลาต่อมา ตรวจสอบประวัติพบเคยก่อเหตุชิงทรัพย์มาแล้วจำคุก 4 ปีกระทั่งออกมาก็เหตุซ้ำ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 ม.ค. 63 ร.ต.ท.กิตติธัช เพชรคง รอง สว.สอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ห้างทอง”เยาวราชเอ็มโกลด์” เหตุเกิดภายในหมู่บ้านบัวทอง เลขที่ 50/1 หมู่ 10 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ถาวร ดุลยวิทย์ รอง ผบก.ภ.จว.นนนทบุรี พ.ต.อ.สิรภพ อนุศิริ ผกก.สภ.บางบัวทอง เจ้าหน้าที่พิสูจน์กองหลักฐาน รุดตรวจสอบ
ข่าวน่าสนใจ:
ที่เกิดเหตุเป็นตึกเเถวชั้นเดียว พบกระจกหน้าร้านทองแตกละเอียด นอกจากนี้ ยังมีพนักงานหญิงอีก 2 คน ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยต่างพากันแตกตื่น ตกใจ กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนหรือที่ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในร้านทองดังกล่าว
ขณะเดียวกันภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30 ปี ใส่หน้ากากอนามัยกันฝุ่นปิดบังใบหน้า สวมใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้า กางเกงยีนส์ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดขู่พนักงานขายให้ส่งถาดทองมาให้ก่อนหยิบทองรูปพรรณใส่กระเป๋าที่เตรียมมา หลังจากก่อเหตุคนร้ายพยายามจะออกจากร้าน แต่เนื่องจากประตูกระจกปิดอัตโนมัติ คนร้ายจึงใช้อาวุธปืนที่เตรียมมายิงไปที่กระจกประตูจำนวน 3 นัด แล้วเดินไปขึ้นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ ที่จอดไว้ในซอยข้างร้านทอง ขับหลบหนีไปทางหน้าหมู่บ้าน มุ่งหน้าถนนกาญจนาภิเษกขาออก เจ้าหน้าที่จึงเร่งติดตามพร้อมวิทยุสกัดจับ โดยคาดว่าทองคำรูปพรรณที่คนร้ายได้ไปน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 50 บาทอย่างไรก็ตามต้องตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบถาม น.ส.น้ำ (นามสมมุติ) พนักงานร้านทองเล่านาทีระทึกว่า ก่อนเกิดเหตุมีพนักงานผู้หญิงอยู่ในร้าน2 คน โดยคนร้ายได้ทำทีเป็นลูกค้าเข้ามาขอดูทองคำรูปพรรณ ตนจึงหยิบให้ดู จากนั้นคนร้ายได้ชักอาวุธปืนออกมาจากเอวและนำมาวางไว้ที่หน้าตู้กระจก ตนและเพื่อนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังร้าน จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 3 นัด ผ่านไปสักพักตนเห็นว่าเสียงเงียบแล้ว จึงออกมาดู พบกระจกหน้าร้านแตกละเอียด จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ
ทางด้านนายสมจิตร พลตื้อ รปภ.ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งอยู่ใกล้ร้านทอง กล่าวว่า ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2-3 นัด จึงวิ่งออกมาดู พบคนร้ายชิงทรัพย์ในร้านทอง ซึ่งขณะที่คนร้ายกำลังหลบหนี คนร้ายได้เล็งอาวุธปืนมาทางตนตอนนั้นตนเลยตกใจมาก เลยหันหลังวิ่งเข้าธนาคารล๊อคประตูปิดทันที จนมาทราบภายหลังว่าคนร้ายได้ทองคำรูปพรรณและหลบหนีไปแล้ว.
ล่าสุดเวลา 18.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางบัวทอง ร่วมกันจับกุมตัวนายอภิเชษฐ์ กรพิทักษ์ อายุ 33 ปี อาชีพรับเหมาถมดิน ขณะขับรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค สีดำทะเบียน ฌก-4393 กทม.วิ่งมาตามถนนกาญจนาภิเษกช่องทางคู่ขนานเลนขวาสุด มุ่งหน้า จ.สุพรรณบุรี เมื่อมาถึงบริเวนหน้าหมู่บ้านบัวทอง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่คนร้ายก่อเหตุ เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นรถเก๋งต้องสงสัยคันดังกล่าวรถจอดติดอยู่ซึ่งใกล้เคียงกับรถคนร้าย จึงแสดงตัวเข้าจับกุมพบนายอภิเชษฐ์ เป็นผู้ขับขี่อยู่ในอาการพูดจาวกวนคล้ายคนเมา จากการสอบสวนนายอภิเชษฐ์ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่บุกจี้ชิงทรัพย์ร้านทองจริงจึงควบคุมตัวมาสอบสวน เบื้องต้นนายอภิเชษฐ์ให้การว่าหลังก่อเหตุแล้วได้ขับรถกลับไปบ้านพักเลขที่ 41/224 หมู่บ้านพฤกษา 45 หมู่ 11 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรีเพื่อนนำทองที่ก่อเหตุได้กับอาวุธปืนไปซ่อน ก่อนจะขับรถออกไปหาเพื่อนที่ ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุเพราะต้องการนำเงินไปเคลียหนี้สินธุรกิจถมดินของตนเอง และผ่อนบ้าน ผ่อนรถ
ต่อมาทางเจ้าที่ได้ไปยังหมู่บ้านพฤกษา 45 หมู่ที่ 11 ต.บางเเม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนกว่า 70 นาย นำตัวนายนายอภิเชษฐ์ กรพิทักษ์ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ร้านทอง เข้าตรวจค้นหาของกลางภายในบ้านเลขที่ 41/224 ม.11 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของภรรยานายอภิเชษฐ์
บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น จากการตรวจค้นภายในบ้านพบชุดที่ผู้ต้องหาใช้ใส่ก่อเหตุโดยมีเสื้อเชิ้ตเเขนยาวสีฟ้า 1 ตัว กางเกงยีนสาขายาว 1 ตัว ผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด 1 ผืน หน้ากากอนามัย 1 ผืน อาวุธปืนกล็อกรุ่น 26 จำนวน 1 กระบอก ซองใส่ปืน 1 อัน แม๊กกาซีน 2 อัน และทองรูปพรรณถูกซุกซ่อนอยู่ในชักโครกห้องน้ำชั้นล่างและลิ้นชักเก็บของภายในบ้านรวมน้ำหนักทอง 55.3 บาท
ต่อมาเวลา 20.30 น. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ได้เดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อทำการสอบสวนผู้ต้องหา และร่วมตรวจค้นหาของกลาง เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ามูลเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้มาจากเรื่องหนี้สินเกี่ยวกับธุรกิจรถถมดิน และจากการตรวจสอบประวัติของคนร้ายพบว่าเคยก่อเหตุชิงทรัพย์ มาเเล้วเมื่อปี 2545 พื้นที่ สน.บางเสาธง ถูกศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 4 ปี และกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย รวมถึงประชาชนที่เเจ้งข้อมูลเบาะแสของคนร้ายผ่านทางแอฟพลิเคชั่นไลน์ ชุดไล่ล่าตาสัปปะรด ตามโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งพนักงานทางร้านที่มีสติจดจำใบหน้าและให้ข้อมูลรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายได้อย่างชัดเจน จนนำไปสู่การจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด ทั้งนี้ตนขอฝากไปถึงผู้ที่คิดจะก่อเหตุ ว่าอย่าทำเลย ทำอาชีพสุจริตดีกว่า อย่างเคสนี้ ตำรวจใช้เวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมง ก็สามารถจับตัวคนร้ายได้เเล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: