ฉะเชิงเทรา – ยีราฟ ยังสูญหายอย่างไร้วี่แวว ขณะชาวบ้านในพื้นที่เชื่อไปไหนได้ไม่ไกลเหตุมีทั้งคูน้ำ รั้วลวดหนาม และพื้นที่ทำกินบ่อกุ้งบ่อปลาของชาวบ้านล้อมรอบ ขณะทีมงานสวนสัตว์ดังระบุ มีผู้พบเห็นเดินผ่านข้ามถนนโดยมีกล้องหน้ารถจับภาพไว้ได้ แต่ไม่ยืนยันความแน่ชัดว่าข้ามไปจริงหรือย้อนกลับมาที่เดิม
วันที่ 29 ม.ค.63 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การออกเดินค้นหายีราฟ สัตว์ป่าข้ามซีกโลก ที่หลุดออกจากกรงขณะบรรทุกมาบนรถ ผ่านเส้นทางสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ระหว่างการขนส่งจากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าไปยังสถานที่เพาะพันธุ์สัตว์ป่าของสวนสัตว์ ย่านนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงเย็นวานที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ทีมงานเจ้าหน้าที่ของทางส่วนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ ยังค้นหาไม่พบ ยีราฟตัวใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่
ข่าวน่าสนใจ:
- สยบข่าวลือ สจ.ธรรมชาติ หนีซุกเขมร หลังถูกทนายดังแฉเอี่ยวรีดเว็บพนัน
- ปราจีนบุรี ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพ ปั่นปันน้ำใจ ฉะเชิงเทรา-หนองคาย
- จนมุมเพราะไก่ชน!! ตำรวจบางละมุงวางแผนเหนือเมฆ หลอกแก๊งค์ค้ายานรกมาซื้อไก่ชน ก่อนตามรวบยกแก๊งค์ ยึดยาบ้าแสนเม็ด - ไอซ์ 1 กก. พร้อมรถ 2 คัน…
- สจ.ธรรมชาติ ไม่มาศาลฉะเชิงทรา ส่งสองทนายคู่หูยื่นฟ้องอัจฉริยะแทน
หลังจากหลุดออกมาจากรถบรรทุกจำนวน 2 ตัว โดยสามารถจับยีราฟตัวขนาดเล็กสูง 4 เมตรได้แล้วเมื่อช่วงค่ำวานนี้ โดยเชื่อว่ายีราฟตัวที่หลุดหายไปนั้น น่าจะเดินข้ามฝั่งถนนจากจุดที่หลุดออกมาจากกรงบนรถบริเวณด้านฝั่งตรงข้ามลิงค์ทางหลวงบางคล้า ข้ามไปยังฝั่งเดียวกันกับลิงค์ทางหลวง เหมือนกับยีราฟตัวเล็กที่จับได้ไปแล้ว โดยมีกล้องหน้ารถของผู้ที่ขับรถผ่านเส้นทางมาสามารถบันทึกไว้ได้ ในขณะที่ยีราฟขึ้นมายืนบนถนน แต่ยังไม่มีใครยืนยันแน่ชัดว่าได้เดินข้ามไปจริงหรือไม่
ขณะเดียวกัน นายประชา ศรีสุข อายุ 77 ปี ชาวบ้าน ม.5 ต.ท่าทองหลาง ซึ่งตัดไม้อยู่ในพื้นที่ตรงบริเวณฝั่งตรงข้ามลิงค์ทางหลวง กล่าวว่า เชื่อว่ายีราฟที่หลุดออกจากรถบรรทุกไปนั้น ไม่ได้ไปไหนไกล และยังเชื่อว่าน่าจะเดินวนเวียนอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ เนื่องจากพื้นที่ตรงบริเวณนี้มีคูน้ำ (ชวดตาบุญ) ปิดกั้นล้อมรอบ ทุกทิศทางและต่อเนื่องเชื่อมไปจนถึงยังพื้นที่ ม.4 ต.ท่าทองหลาง ซึ่งล้วนมีคูคลองกั้นและบ่อปลาชาวบ้านขวางอยู่ทั้งหมด
ขณะเดียวกันทางด้านฝั่งตรงข้ามของถนน ซึ่งเป็นพื้นที่ ม.5 ต.เสม็ดเหนือ นั้น มีสนามกอล์ฟซันไรส์ลากูน ซึ่งมีการขึงรั้วลวดหนามเป็นแนวยาวตลอดขนานกับเส้นทาง 304 จึงเชื่อว่ายีราฟไม่น่าจะสามารถเดินข้ามไปไหนได้ เพราะขนาดวัวควายของชาวบ้านยังข้ามไปไหนไม่ได้เลย อีกทั้งทางด้านปลายของพื้นที่ยังมีบ่อเลี้ยงกุ้งของชาวบ้าน ปิดกั้นก่อนที่จะถึงบริเวณทางสามแยกหนองปลาตะเพียนอีกด้วย นายประชา กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: