ราชบุรี หลังจากที่มีการแพร่คลิป เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ โต้คารมปะทะเดือดกับเจ้าของโรงงานอาหารสัตว์ บริเวณโครงการก่อสร้างโรงงานอาหารสัตว์ ชื่อ บริษัท สตาร์ฟู๊ด อาหารสัตว์ จำกัด อยู่ในพื้นที่หมู่บ้านพุลุ้ง หมู่ 9 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งน.ส.ปารีณา ได้นำชาวบ้านไปคัดค้านการก่อสร้างโรงงานดังกล่าว ต่อมาได้มีชาวบ้านออกมายืนยันว่าทางโรงงานได้มีการทำประชาพิจารณ์ และชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างโรงงาน พร้อมระบุว่า ไม่รู้ว่า น.ส.ปารีณา พาชาวบ้านมาคัดค้านได้อย่างไร กระทั่งนายกิตติทัต มณีพรรณ์ อายุ 46 ปี 99/5 หมู่ 9 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เจ้าของโรงงานอาหารสัตว์ พร้อมทนายความได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.เขาดิน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ให้ดำเนินคดีข้อหาบุกรุกเป็นการรบกวนการครองครองพื้นที่ กับน.ส.ปารีณา และกลุ่มบุคคล ที่เข้าไปในโรงงานฯ นั้น
ซึ่งความคืบหน้าในเรื่องนี้ ในวันนี้( 31 ม.ค.63 ) นายกิตติทัต มณีพรรณ์ อายุ 46 ปี เจ้าของโรงงานอาหารสัตว์ บริษัท สตาร์ฟู๊ด อาหารสัตว์ จำกัด คู่กรณีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายสุทธิรักษ์ สุกใส ทนายความ ได้เดินทางไปที่ สภ.เขาดิน อ.โพธาราม เพื่อนำหลักฐานเพิ่มเติม มามอบให้กับ ร.ต.อ.ชุกรี ปาดุกา พนักงานสอบสวน สภ.เขาดิน อ.โพธาราม เจ้าของคดีที่ได้มาแจ้งความไว้แล้ว เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยนำหลักฐานเป็นเอกสาร ภาพถ่าย และคลิป ในวันที่น.ส.ปารีณา พร้อมเจ้าหน้าที่ที่ดิน ฝ่ายครอง เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปรังวัดที่ดินบริเวณโรงงาน เพื่อดูระยะห่างจากพื้นที่สาธารณะ และสถานที่อื่นๆ เช่นโรงเรียน วัด ว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ซึ่งจากการวัดระยะเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
โดยหลักฐานที่นายกิตติทัต นำมามอบให้พนักงานสอบสวน มีคลิประหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังรังวัด ปรากฏว่าน.ส.ปารีณา ได้นั่งลงแล้วยกมือไหว้ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยรังวัดใหม่ และเจ้าหน้าที่ก็ตอบว่าจะต่อต้านกันอย่างไรผมไม่รู้ ก็ว่ากันไป แต่ผมมาทำตามหน้าที่
โดยนายกิตติทัต มณีพรรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนให้มาแจ้งข้อมูลเพิ่มเติม โดยตนนำเอกสารหลักฐาน ภาพถ่าย และคลิป ที่เกี่ยวข้องมามอบให้ ซึ่งข้อกล่าวหาที่ดำเนินคดีกับน.ส.ปารีณา และกลุ่มบุคคลคือ บุกรุกฯ และดูหมิ่นซึ่งหน้า ซึ่งทำให้ตนถูกคนดูถูกเหยียดหยาม ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และได้รับความอับอาย นอกจากนี้ยังทำให้ตนถูกมองว่าเป็นไม่ดีเพราะคำว่า คนรวยมาสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เพราะในเหตุการณ์นั้นมีการไลฟ์สดทางเฟซบุ๊คด้วย รวมจำนวนผู้ที่ตนแจ้งความทั้งหมด 17 คน ถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากฝั่งของน.ส.ปารีณา แต่ขอยืนยันจะไม่มีการยอมความใดๆ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำตนเองเพียงคนเดียว และจะเรียกพยานฝ่ายตนมาสอบสวนเพิ่ม ส่วนฝั่งของน.ส.ปารีณา ยังไม่มีการเรียกใครมาสอบปากคำ และทราบว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนก่อน
