นครศรีธรรมราช:ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำทีมคณะเศรษฐกิจลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มอบนโยบายรับฟังการขับเคลื่อนแผนนโยบายรัฐบาล ยกระดับคุณภาพชีวิต ในโครงการ“ประชารัฐสร้างไทย พัฒนาปักษ์ใต้ ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน” 1ใน4 จังหวัดภาคใต้ นครศรีธรรมราชมีความพร้อมสุดที่สถาบันการเงินชุมชนบ้านวังไทร ตำบลเขาโร อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมามอบนโยบายและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน “ประชารัฐสร้างไทยพัฒนาปักษ์ใต้ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน” โดยตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของชุมชนในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และการมอบสินเชื่อธุรกิจสร้างไทยแก่ชุมชนพร้อมร่วมรับฟังรายงานความก้าวหน้าของโครงการดังกล่าว โดยมีนายศิริพัฒ พัฒกุลผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนงานภาครัฐ เอกชน เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชให้การต้อนรับนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ได้ขับเคลื่อนโครงการธุรกิจชุมชนสร้างไทยเพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจฐานรากที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน ดำเนินการพัฒนามุ่งเน้นกิจกรรมการผลิต การซื้อ-ขายผลผลิต และการบริโภคของคนในชุมชนอย่างมีส่วนร่วม โดยใช้ทรัพยากรของชุมชน มีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเกื้อกูลและเป็นธรรม สร้างความเข้มแข็ง โดยยึดหลักตลาดนำการผลิต กำหนดแผนธุรกิจที่ชัดเจน ผสานความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในด้านการให้ความรู้ เทคโนโลยีนวัตกรรม งานวิจัย และงบประมาณนอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังช่วยสนับสนุนสินเชื่อให้กับ “Smart Farmer” ผู้ประกอบการ SMEs เกษตร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตร เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ คือ ความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานราก มีภูมิคุ้มกัน มีรายได้ สวัสดิการสังคม และโอกาสทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยขับเคลื่อนธุรกิจชุมชนไปแล้วกว่า 502 ชุมชนทั่วประเทศ พื้นที่ภาคใต้มีจำนวนทั้งสิ้น 27 ชุมชน
และ ธ.ก.ส.ยังได้นำเสนอผลการพัฒนาชุมชน อย่าง โครงการ การจัดการห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตรอย่างบูรณาการ เช่นการจัดการยางพารา ตั้งแต่การผลิตน้ำยางสด การแปรรูปยางแท่งและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากยาง ส่งขายภายในประเทศ ซึ่งใน 3 พื้นที่อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีมูลค่าการลงทุนอาคารโรงงานและอุปกรณ์ไปแล้วกว่า 69 ล้านบาท และ “Working Cap” กว่า 116 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนอาชีพจากการปลูกยางไปสู่การปลูกไผ่ การเลี้ยงโค หรือการปลูกต้นกาแฟ การทำปาล์มคุณภาพ เพื่อยกระดับชีวิตเกษตรกรในแต่ละพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เช่น ระนอง ชุมพร พังงา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และกระบี่ โดยเชื่อมโยงเกษตรกรผู้ที่มีรายได้น้อยเข้ากันกับเกษตรกรแปลงใหญ่ที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ไปสู่การรวบรวมปาล์ม และนำไปแปรรูปสกัดเป็นน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภคและไบโอดีเซล ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต รวมไปถึงการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ อย่าง “มังคุด” จากเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน ส่งไปยังตลาดที่รับซื้อทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าที่ได้คุณภาพและตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว และอื่นๆอีกมากมาย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินงาน “ประชารัฐสร้างไทย พัฒนาปักษ์ใต้ ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน” จะต้องให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนโครงการนี้ให้เดินหน้าไปให้ได้ ยังมีเขตภาคเหนือจ่อเข้า ครม. ก็จะเป็นตัวช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างจริงจังในแต่ละภูมิภาค โดยเฉพาะภาคใต้ ซึ่งตนมาในนามของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาเยี่ยมเยียนพี่น้องทางใต้โดยเฉพาะนครศรีธรรมราช ว่านโยบายการพัฒนาของรัฐบาลมีการขับเคลื่อนแบบครบวงจรและติดขัดปัญหาอะไรบ้าง เราต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการผลิต และสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจของภาคใต้ให้แข็งแกร่ง “ซึ่งนครศรีธรรมราช เป็น 1ใน4 จว.ที่เป็นเป้าหมายของการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ โดยเชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมมากที่สุด หากทุกกระทรวงและหน่วยงานสามัคคีที่จะมาช่วยทำให้ทุกอย่างเดินไปข้างหน้า การสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศก็จะดีและเกิดความแข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน”ผู้สื่อข่าวรายงาน จากนั้น นายสมคิดและคณะ ได้ถ่ายรูปพร้อมทำพิธีมอบ สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ธ.ก.ส. จำนวน 5 ราย สินเชื่อ SMEs ประชารัฐสร้างไทย ธนาคารออมสิน จำนวน 5 ราย สัญญาเช่าพื้นที่ธนารักษ์พื้นที่นครศรีธรรมราช จำนวน 20 ราย และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มอบเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ให้กับประชาชนชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อนำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัว อีกจำนวน 30 ราย ก่อนเดินทางออกจากพื้นที่เพื่อไปปฏิบัติภารกิจในพื้นอื่นๆต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
ข่าวน่าสนใจ:
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: