ราชบุรี ในวันนี้(6 ก.พ.63) นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านการคอรัปชั่น ได้เดินทางมาพบกับ ร.ต.อ.ประดิษฐ์ คงเปรม พนักงาน สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เพื่อมาติดตามความคืบหน้าที่ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้กับพนักงานสอบสวน กรณีที่ดินของนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ นส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ บริเวณหมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง ที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกที่ดินของรัฐ และทาง บก.ปทส. ได้เรียกสำนวนการสอบสวนของสภ.สวนผึ้ง ไปเพื่อที่จะไปรวมกับ คดีที่นางสาวปารีณา รุกป่าในบริเวณ หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี และจะดำเนินการเอง แต่สุดท้ายทาง บก.ปทส.ได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้สภ.สวนผึ้ง กลับมาดำเนินการเอง ทั้งที่เรื่องดังกล่าวนั้นถูกส่งไปตั้งแต่เดือน ธ.ค.62 ที่ผ่านมา จึงทำให้เกิดช่องว่างของการไม่ดำเนินคดีกว่า 1 เดือน โดยมีนายพัฒนะ ศิริมัย ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ พ.ต.ท.ภาสกร อยู่เย็น รองผกก.สส.สภ.สวนผึ้ง พ.ต.ท.ชาติชาย ดอนชัย รองผกก.ป.สภ.สวนผึ้ง และนายสุชาติ บัวบาง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.3 (พุยาง) มาร่วมให้ข้อมูล พร้อมกับลงพื้นที่ตรวจสอบภายในไร่ของนายทวี เพื่อจับพิกัดว่าพื้นที่นั้นอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขต สปก. ทั้งหมดกี่ไร่ เพื่อจะได้แจ้งความดำเนินคดี
โดย มีนายวีระ และนายประกรเกียรติ ปัญฑิตชวลิต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 เป็นผู้นำพาไปตรวจสอบพิกัดแต่ละจุดอย่างละเอียด มีการใช้เครื่องจับพิกัดจีพีเอสของเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจวัดหาพื้นที่ของแต่ละหน่วยงาน เบื้องต้นพบว่าพื้นที่ด้านในมีแท้งค์น้ำตั้งอยู่บริเวณริมเขาหลายแท้งค์ และยังพบวัวอยู่อาศัยในอาคารไม้ที่ก่อสร้างเป็นฟาร์มหลายตัว และยังพบมีรถบรรทุก รถไถจอดอยู่ มีการปลูกต้นยูคาลิปตัส ต้นสนเป็นแถวแนวยาว
ซึ่งนายวีระ สมความคิด ก็เปิดเผยว่า วันนี้มาตามคดีอาญาที่ 419 / 2562 เป็นคดีที่ได้แจ้งความกล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นายทวี ไกรคุปต์ กรณีที่เชื่อว่ามีการครอบครองที่ดินของรัฐที่ป่าไม้ถาวร ที่ป่าสงวนแห่งชาติ และบางส่วนเป็นที่ดิน สปก. บริเวณนี้จะอยู่ในเขตหมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง ซึ่งคดีเคยถูกโอนไปที่ บก.ปทส.แล้วถูกดองเรื่องไว้ ทางปทส.ก็ไม่ทำงาน คดีนี้ก็ถูกส่งกลับมาให้ สภ.สวนผึ้งทำต่อ ซึ่ง ปทส.เลือกทำเฉพาะคดีของ นส.ปารีณา ไกรคุปต์ เสียเวลาไปเป็นเดือน ไม่เข้าใจว่าทำไมคดีถึงถูกส่งไปที่ส่วนกลาง ทั้งที่ทางท้องที่ก็สามารถทำคดีได้ ทางพนักงานสอบสวนทั้ง สภ.จอมบึง และ สภ.สวนผึ้ง ถูกสั่งให้หยุดการสืบสวนสอบสวนตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ส่งเรื่องเข้าไปที่กรุงเทพฯไปดองไว้ที่สอบสวนกลาง
ส่วนจากการดูแผนที่ประกอบร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ชัดเจนอย่างที่บอก อย่างจุดที่อยู่ในป่าสงวนแห่งชาตินั้น มองจากในแผนที่ดาวเทียมจะพบแท้งค์น้ำขนาดใหญ่ไปสร้างอยู่ติดเชิงเขา ตรงนั้นเป็นเขตของป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วนตอนนี้ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ สปก. บางส่วนก็ยังเป็นพื้นที่ของป่าไม้ถาวรอยู่ ซึ่งการที่มาตรวจสอบจะเรียกว่าเป็นการนับหนึ่งใหม่ก็ได้ เพราะพนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง เพิ่งได้โอนสำนวนกลับมาประมาณวันที่ 22 มกราคม และตนเองได้มาตามเรื่องที่ สภ.สวนผึ้ง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ส่วนกรณีที่จะมีการร้องมาตรา 157 หรือไม่นั้นคงไม่ร้องกับเจ้าหน้าที่ที่นี่ แต่อาจจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในกรุงเทพฯ เพราะที่นี่ไม่ได้ดองเรื่อง
ขณะที่ทาง ปทส.แจ้งมาว่าคดีของ นส.ปารีณาน่าจะเสร็จประมาณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนการดำเนินการวันนี้เท่าที่ดูไม่น่าจะติดขัดปัญหาอะไร เพราะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกหน่วยงาน ทั้งฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ศูนย์ราชบุรี ผู้ใหญ่บ้าน และประสานกับ อบต. เพราะว่าทาง อบต.จะต้องมานำชี้ในพื้นที่ที่ อบต.เคยเก็บภาษีบำรุงพื้นที่ที่เรียกว่า ภบท. 5 จำนวน 4 แปลง ซึ่งนายทวี ไกรคุปต์ เป็นผู้เสียภาษี รวมแล้วจำนวนเกือบ 800 ไร่ วันนี้ทาง อบต. ต้องมานำชี้ในพื้นที่ดังกล่าวว่าอยู่จุดไหน ก็จะต้องมาดูว่าที่เก็บภาษีนั้นเป็นพื้นที่อยู่ในเขตป่าไม้ หรือ ป่าสงวนแห่งชาติ หรือ เขต สปก.
ด้านนายพัฒนะ ศิริมัย ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ราชบุรี กล่าวว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่ ตามที่นายวีระ ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ว่า มีการบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมายเขตท้องที่ ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง เนื้อที่บุกรุกตามที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ประมาณ 2,000 ไร่ วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวนผึ้ง จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายป่าไม้ ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง รวมทั้ง สปก. ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามเรื่องราวตามที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้หรือไม่ โดยจะตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดจากข้อมูลคร่าว ๆ ที่ได้จัดเก็บไว้ก่อนลงพื้นที่นั้น ซึ่งพื้นที่ หมู่ 9 จะเป็นพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติบางส่วน บางส่วนอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และบางส่วนอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ณ เวลานี้จึงยังไม่รู้ว่าพื้นที่ที่แจ้งความว่ามีการบุกรุกครอบครองนั้นจะครอบคลุมพื้นที่ของรัฐประเภทใด มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะให้ทางผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ฝ่ายปกครองท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านช่วยนำชี้พื้นที่ ที่บุกรุกครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง บอกว่าได้มีหนังสือแจ้งนายทวี ไกรคุปต์ไป 2 ครั้งแล้ว วันนี้ไม่มาจึงต้องใช้ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ เพราะว่านายวีระ ที่เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษก็น่าจะมีข้อมูลพอสมควร ว่าพื้นที่ที่ได้แจ้งว่ามีการบุกรุกครอบครองโดยมิชอบนั้นกินขอบเขตบริเวณไหนบ้าง วันนี้จึงถือเป็นครั้งแรกของหน่วยงานด้านป่าไม้ที่ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งคงต้องรอตรวจสอบเดินตามแนวเขตพื้นที่อย่างละเอียด จึงจะทราบว่ากินแนวเขตพื้นที่ไหนไปบ้าง ถ้าพบว่ามีการครอบครองทำประโยชน์ก็จะได้จับค่าพิกัด แล้วคำนวณออกมาเป็นจำนวนเนื้อที่ที่ชัดเจน ถึงจะทราบผลการบุกรุกที่ดินถือครองว่าอยู่ในเขตป่าสงวนเท่าไร เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเท่าไร อยู่ในเขตป่าไม้ถาวรเท่าไร ถ้าพบว่ามีการบุกรุกที่ดินดังกล่าวคงต้องหารือกับผู้บริหารอีกครั้ง ส่วนจะบุกรุกอย่างไรหรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่จะสรุปผลแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: