เชียงราย-การเดินทางจากเชียงรายมุ่งสู่จังหวัดสุรินทร์ เที่ยวชมงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา และตักบาตรบนหลังช้างที่ยิ่งใหญ่อลังการตา หนึ่งเดียวในโลก ประจำปี 2561 ในวันที่ 26-27 ก.ค.2561 บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณี และส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.สรินทร์
เดินทางจากเชียงรายได้ 2เส้นทาง เครื่องจากสนามบินแม่ฟ้าหลวง ลงสนามบินดอนเมือง ต่อรถโดยสารที่หมอชิตถึงสุรินทร์ใช้เวลา 6 ชม. รถโดยสารนั่งรถจากเชียงรายไปลงหมอชิต ต่อจากหมดชิตไป จ.สุรินทร์ใช้เวลา 6 ชม.
น.ส.บุณยานุช วรรณยิ่ง ผ.อ. ททท สำนักงานท่องเที่ยวสุรินทร์เปิดเผยว่า งานมหกรรมแห่เทียนพรรษา และ ตักบาตรบนหลังช้าหนึ่งเดียวในโลก ที่จ.สุรินทร์ จะจัดขึ้นทุกปี เป็นปีที่12 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสืบสารทอดประเพณีของชาว จ.สุรินทร์ เพื่อให้อยู่ดำรงสืบไป
การแห่ขบวนเทียนและขบวนช้าง จำนวน 66 เชือก จะเริ่มวันที่ 26 ก.ค.2561 ในการแห่ขบวน จะมีการฟ้อนรำศิลปะของชาวภาคอีสาน และชาวเขมร อันสวยสดงอดงามและจังหวะครึกครื้นสนุกสนาน ของชาวสุรินทร์ ช้างทั้ง 66 เชือกจะประดับประดาไปด้วยไฟแสงสีอย่างงดงาม การแห่ขบวนเทียน และช้าง จะทำการแห่ผ่านยังบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เพื่อให้ประชาชนที่มาคอยดูขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่อลังการ
และวันที่ 27 ก.ค.เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้ โดยช่วงเช้าเวลา 07.00 น บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง มีหัศจรรย์นั่งบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ จัดให้นักท่องเที่ยวนั่งรอตักบาตรบนหลังช้าง และงานนี้ น.ส.ปานตะวัน สิงห์เสน มิสแกรนด์สุรินทร์ 2018 มาคอยให้การต้อนรับ สร้างสีสรรในงานพิธีตักบาตรบนหลังช้าง เสร็จพิธีทางศาสนาขบวนช้างทยอยวนเข้าผ่านช่องกลางของหัสจรรย์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ตักบาตร มีพระสงฆ์บนหลังช้างรับของมาถวาย สิ่งของมาถวายทั้งหมดจำนำไปช่วยพี่น้องชาวลาวที่ประสบเขื่อนแตก จังหวัดอัตตะปือประเทศลาว
การตักบาตรบนหลังช้างที่ จ.สุรินทร์ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่น่าสนใจของชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากที่ได้มาสัมผัสงานประเพณีตักบาตรบนหลังช้างจ.สุรินทร์ จากพิธีแห่เทียน ตักบาตรบนหลังช้างนักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าเที่ยวชม วนอุทยานพนมสวาย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสุรินทรมงคลพระพุทธรูปสีขาวปาง ประทานพรและเคารพสักการะบูชาสถูปอัฐิธาตุพระราชวุฒาจารย์อตุโล และ เคาะระฆังจำนวน 1080ใบ เพื่อเป็นสิริมงคล และยังมีหมู่บ้านเขวาสินรินทร์ เป็นหมู่บ้านที่ทำเครื่องเงินเป็นเอกลักษณ์ของชาว จ.สุรินทร์ 
ที่ขึ้นชื่อของชาว จ.สุรินทร์ที่ขึ้นชื่อ และยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่ประกอบการทอผ้าไหมยกทองแบบโบราณ สามารถชมวิธีการทอเส้นไหมสลับช้อนดิ้นทองผสมผสานลายราชสำนักโบราณ อันสวยงาม และราคาตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักแสน ระยะการทอขึ้นอยู่กับลาย ที่ยากง่าย ผ้าและลายที่ยากจะมีกรรมวิธีที่ยากออกไป 1 ม.จะใช้ระยะทอ 1 เดือน เฉลี่ยเมตรละ 1 แสนกว่าบาท
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมวิธีเริ่มต้นการเลี้ยงม่อนไหม จนไปถึงการนำมาทำเป็นเส้นไหม และขบวนการผลิตต่างๆ จนขึ้นขึ้นชื่อ ของจ.สุรินทร์ ชาวบ้านทอผ้าไหมเล่าว่า สมัยโบราณชาวบ้าน ไม่มีผ้าถุงใส่แต่ละบ้านก็จำนำตัวม่อนมาเลี้ยงบ้านของใคร ของมัน เลี้ยงเสร็จก็จำนำมาดึงเอาสายไหมมาทอเป็นผ้าถุงใส่กัน เนื่องจากสมัยก่อนหาซื้อผ้าถุงอยาก จนปัจจุบันมีหมู่บ้าน ได้รวมตัวกันทอผ้าไหมจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว และยังมีห้างร้านต่างๆ ที่สั่งให้กลุ่มชาวบ้านทอไหมผลิตส่ง ชาวสุรินทร์ส่วนใหญ่จะทำนาปลูกข้าว หลังจากการปลูกข้าวก็จะผลิตทอผ้าไหมออกมาจำหน่าย ทำให้เป็นที่ขึ้นชื่อผ้าไหมของจังหวัดสุรินทร์
กราบนมัสการพระดินปั้นพันปี วัดตาตอมจอมสวาย ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งพระดังกล่าวสร้างขึ้นในสมัยใดยังไม่ทราบแน่ชัด พระดินมีอายุราว 1000 ปี พระดินสร้างมาจากกากอ้อยและหนังควาย มีการกล่าวถึงพระดินคาดว่ามีอยู่จำนวน 4 องค์ แต่ปัจจุบันพบ 2 องค์ และอีกองค์ได้บูรณะไปแล้ว ยังคงเหลือพระดินปั้นพันปี วัดตาตอมจอมสวาย ยังคงสภาพเดิม ส่วนใหญ่ผู้คนเจ้าเข้ามาขอพรในด้านความสำเร็จ
เที่ยวชมบ้านชิดชอบ เป็นบ้านของต้นตระกูลชิดชอบ เป็นบ้านของผู้คล้องช้าง และเลี้ยงช้างจำนวนมากสมัยโบราณ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ผู้เลียงช้างตำบลบ้านเพี้ยราม ซึ้งบริเวณบ้านทำการบูรณะขึ้นมาใหม่ให้คงสภาพเดิม บริเวณบ้านจะกว้างขวาง ที่สมัยก่อนสามารถให้ช้างอยู่ได้จำนวนหลายเชือก และมีศาลที่ประกอบพิธีคล้องช้างสมัยโบราณ ภายในบ้านจะมีอุปกรณ์ ที่ใช้กับช้างที่ยังคงเก็บไว้ในสภาพเดิม ที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบัน และชาวบ้านในระแวกยังคงใช้วิถีชีวิตชุมชนสมัยโบราณ อย่างอบอุ่น
*สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ 044-51-4447
*ขอขอบคุณสำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ให้การสนับสนุน*
ชมคลิป
