ส่องประวัติ”เจ้ามุ้ย”ธีรศิลป์ แดงดา กว่าจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ลูกหนังไทย และตอนนี้เจ้าตัวกำลังวิ่งไล่ล่าแชมป์เจลีกกับซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า
เขาเกิดที่กรุงเทพมหานคร เติบโตมากับครอบครัวข้าราชการมีคุณพ่อเป็นทหารชื่อว่า พ.อ.อ.ประสิทธิ์ แดงดา ซึ่งเป็นอดีตนักฟุตบอลของทหารอากาศ และ ร.ร.จ่าอากาศ เพราะฉะนั้นฟุตบอลจึงเป็นกีฬาประเภทแรกที่ได้รับการหยิบยื่นจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งคุณพ่อของเขามีส่วนสำคัญมากในการผลักดันให้เขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
แน่นอนว่าในสมัยที่ฟุตบอลไทยในระดับสโมสรยังไม่ได้รับความนิยมมากนักในประเทศไทย สโมสรในประเทศไทยจึงไม่มีการจัดการในระบบเยาวชนเหมือนเช่นต่างประเทศ เพราะไม่มีงบประมาณมากพอ ลำพังแค่จ้างนักฟุตบอลตัวจริงลงเล่นในเกมลีกในประเทศก็มีค่าจ้างต่ำมากอยู่แล้ว
นักฟุตบอลระดับซุปเปอร์สตาร์ในประเทศไทยจึงนิยมไปค้าแข้งในประเทศเพื่อนบ้านที่ฟุตบอลสโมสรเป็นที่นิยมในประเทศอย่างเช่น เวียดนาม, สิงคโปร์ เป็นต้น เช่นเดียวกับ“เจ้ามุ้ย”ธีรศิลป์ แดงดา ที่กว่าจะไต่เต้าขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ลูกหนังแห่งสยามก็ต้องฝากตัวกับโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกีฬาฟุตบอลอย่างอัสสัมชัญธนบุรี
สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งบ่มเพาะนักเตะมากความสามารถของไทยขึ้นมาหลายราย รวมไปถึงธีรศิลป์ด้วยเช่นกัน ที่แห่งนี้ฝึกให้เขาเป็นกองหน้าที่ดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เขาเทคนิคดี เซนต์บอลเยี่ยม รู้ว่าต้องวิ่งไปตรงไหน ตัวเองถึงจะมีโอกาสทำประตู
หลังจบการศึกษาระดับ ม.ปลายกับโรงเรียนอัสสัมชัญ ธีรศิลป์ ผันตัวไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัวด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคุณพ่อของเขาเอง ในปี 2548 เขาปรากฏตัวในฐานะนักเตะอาชีพอย่างเต็มตัวกับสโมสรโรงเรียนจ่าอากาศ (ดิวิชั่น1) และปี 2549 ย้ายมาเล่นกับราชประชา
ฟอร์มการเล่นของหัวหอกวัย 18 ปี ขณะนั้นเป็นที่จับตามองของหลายๆทีมในลีกสูงสุดของไทยแต่ว่าคุณพ่อของธีรศิลป์ บอกปัดทุกข้อเสนอที่ยื่นเข้ามา และได้ส่งลูกชายของตัวเองไปเล่นกับเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่กำลังอยู่ในดิวิชั้น 2 ขณะนั้น เพราะมองว่ามีโอกาสได้ลงสนามสม่ำเสมอกว่า เเละมีโอกาสดีที่ลูกชายของเขาจะได้พัฒนาฝีเท้าอย่างจริงจัง
และก็เป็นจริงเช่นนั้นเมื่อเมืองทอง ยูไนเต็ด ใช้เวลาเพียง 2 ปี เลื่อนชั้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของไทยได้อย่างรวดเร็วด้วยแผนการพัฒนาทีมที่มีศักยภาพ ทำให้ธีรศิลป์ มีโอกาสได้ลงเล่นไทยลีกในฐานะกองหน้าตัวจริงของเมืองทอง ยูไนเต็ด ฤดูกาลแรกของเขาบนลีกสูงสุดของไทย“เจ้ามุย”ทำผลงานได้อย่างร้อนแรง
ด้วยการสนับสนุนเกมรุกจากซูมาฮูโร่ ยาย่า นักเตะต่างชาติตัวเก่งของเมืองทอง ยูไนเต็ด ขณะนั้น ก็เป็นอันแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ“เจ้ามุ้ย” หลังจากนั้นเขาก็มีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่อยู่เรื่อยๆ จุดเปลี่ยนของชีวิตนักเตะของเขาเกิดขึ้นในปี 2550 เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกลงเซ็นสัญญากับเขา
สุรีย์ สุขะ และเกียรติประวุฒิ สายแวว 3 นักเตะจากไทยไปโลดแล่นในเวทียุโรป เส้นทางเหมือนจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ว่าปัญหายิบย่อยของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เช่นอันดับฟีฟ่าของประเทศไทยอยู่ต่ำเกินไปทำให้ไม่สามารถลงเล่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้
ตอนนั้นเขาและเพื่ออีก 2 คน มีอยู่ 2 ทางเลือกคือย้ายไปร่วมทีมอื่นในยุโรปตามที่ต้นสังกัดจัดหาให้ หรือว่าจะอยู่ซ้อมบอลกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อังกฤษและรับเงินเดือนไปวันๆจนกว่าสัญญาจะหมด ซึ่งก็เป็นเงินมหาศาลสำหรับนักเตะไทย แต่ว่าก็มองไม่เห็นอนาคตเหมือนกันในกรณีสัญญาหมดลง
เขาและเพื่อนอีก 2 คนจึงตัดสินใจย้ายไปเล่นในลีกเบลเยี่ยม ธีรศิลป์ ถูกส่งไปอยู่กับกราสฮอปเปอร์ ซุริค ในสวิตเซอร์แลนด์ ถึงแม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร แต่ก็ถือว่าการมายุโรปครั้งนั้นทำให้เขาได้เปิดโลกกว้างมากขึ้น และฝีเท้าก็พัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน และย้ายกลับมาช่วยต้นสังกัดเก่าอย่างเมืองทอง ยูไนเต็ดอีกครั้ง
กลับมาครั้งนี้ธีรศิลป์เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคนิคที่มีสูงขึ้นมากกว่าตอนที่จะย้ายไปอยู่ที่ยุโรป จนเขาได้มีโอกาสไปพิสูจน์ตัวเองในต่างแดนอีกครั้ง คราวนี้เป็นอัลมาเรีย ทีมเล็กๆจากลาลีก้า สเปน ที่ยื่นข้อเสนอขอยืมเขาไปใช้งาน 1 ฤดูกาล ท่ามกลางดีลที่หลายคนมองว่าเป็นแค่การตลาด แต่“เจ้ามุ้ย” ยังคงมุ่มมั่นทุ่มเทเกินร้อยเหมือนเดิม
ที่สเปนโอกาสในการลงสนามของเขามีไม่ค่อยมากนัก โดยเขาจะเป็นกองหน้าตัวสำรองที่มักจะถูกเปลี่ยนตัวลงมาประมาณนาทีที่ 70 ของเกมการแข่งขัน หรือบางนัดก็ไม่ได้รับโอกาสเลย เห็นได้ชัดว่าการไปสเปนของเขาช่วงแรกไม่ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมเลย เพราะหลายๆครั้งในเกมการแข่งขันจะเห็นได้ว่าเขาพยายามวิ่งหาพื้นที่ แต่เพื่อนกลับไม่เคยส่งบอลให้เขาเลย
อย่างไรก็ตาม“เจ้ามุ้ย” ยังไม่ยอมลดละความพยายามในที่สุดเขาก็ทำประตูให้กับอัลมาเรียได้สำเร็จ เป็นเกมการแข่งขันในฟุตบอลถ้วยของสเปน ธีรศิลป์ ยิงเข้าไปและส่งให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบต่อไป อย่างไรก็ตาม “เจ้ามุ้ย” ขอย้ายกลับมาเล่นที่เมืองทอง ยูไนเต็ดอีกครั้งเพราะมองว่าตัวเองแทบไม่มีโอกาสในสนามเลย
ซึ่งจะส่งผลต่อการติดทีมชาติ เเละเจ้าตัวก็ให้เหตุผลว่าตัวเขาเองอายุมากขึ้นทุกวัน มันไม่ใช่วัยที่จะมาลองผิดลองถูกเหมือนตอนที่ไปเล่นกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว เขาจึงกลับมาเมืองทอง ยูไนเต็ดอีกครั้ง และก็พาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกอยู่เรื่อยๆ สลับกันครองความยิ่งใหญ่ในไทยกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
อย่างไรก็ดีการได้ลงเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก และทีมชาติเจอกับยอดทีมในเอเชีย ทำให้ชื่อของ“เจ้ามุ้ย”ถูกหยิบยกไปพูดถึงในฐานะกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเอเชีย จนซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า ทีมในลีกสูงสุดของเจลีก ญี่ปุ่น ตัดสินใจยื่นข้อเสนอยืมตัว 1 ปี ให้เขาและเมืองทอง ยูไนเต็ดพิจารณา
ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี ธีรศิลป์ ย้ายไปเล่นในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น ต่อจาก ชณาธิป สรงกระสินทร์ ที่ไปทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เพียงการลงสนามนัดแรกในเจลีก “เจ้ามุ้ย” ก็จัดการโหม่งประตูชัยให้ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า เอาชัย เหนือ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ของ ชณาธิปไปอย่างสนุกเลยทีเดียว
ซึ่งขณะนี้ผ่านไปกว่าครึ่งฤดูกาลแล้ว“เจ้ามุ้ย” ช่วยให้ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า รั้งอันดับ 1 ของลีก มี 41 คะแนนทิ้งห่างทีมรองจ่าฝูงอย่างเอฟซี โตเกียว 7 แต้ม ไม่แน่ว่าชื่อของธีรศิลป์ แดงดา อาจจะถูกจารึกว่าเป็นนักฟุตบอลจากประเทศไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของญี่ปุ่นก็เป็นได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: