นครปฐม : ผู้ปกครองรวมตัว ขอทายาททั้ง 8 ครอบครัว ยุติความขัดแย้ง สานต่อโรงเรียนในตำนาน “จารุวรรณวิทยา” เพื่อเด็ก 500 กว่าชีวิต โดยทายาท 2 ฝั่งเสียงอ่อย รับ 8 เสียงไม่มีใครอยากปิดโรงเรียน พร้อมเจรจาหาข้อยุติ
หลังจากที่มีการนำเสนอข่าว สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม ออกหนังสือคำสั่ง ที่ ศธ 0274/402 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 63 เรื่องเพิกถอนใบอนุญาต โรงเรียนจารุวรรณวิทยา เลขที่ 30 ม.1 ต.ไทยาวาส อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยจะมีผลในวันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่จะถึงนี้ ซึ่งหมายถึงโรงเรียนเก่าแก่ของชุมชนแห่งนี้จะถูกปิดลง ครูและเด็กนักเรียนกว่า 400 ชีวิต จะต้องระส่ำระสาย หาที่สอนที่เรียนกันอย่างไม่ทันตั้งตัวมาก่อน กลายเป็นกระแสร้อนสะท้อนไปถึงทายาททั้ง 8 ครอบครัว ว่าถึงเวลาหรือยังที่จะหันหน้ากลับคุยกันใหม่ เพื่อรักษาโรงเรียนแห่งนี้เอาไว้ และเพื่อเด็กนักเรียนกว่า 400 ชีวิต
นายอมรเทพ หรือแดง สิรสุนทร อายุ 57 ปี บุตรชายของนายชุมพร สิรสุนทร หนึ่งใน 8 ทายาท เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า รู้สึกเสียใจที่วันนี้เกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ อยากจะให้โรงเรียนเดินหน้าต่อไป แต่ปัญหาได้เกิดขึ้น เพราะทายาท 5 รายชื่อยื่น 6 ข้อเสนอเข้ามา ในการขอยื่นให้ผู้ที่จะมารับโอนใบอนุญาต ตนเองเห็นว่ามีบางข้อไม่เป็นการบริหารงานที่เหมาะสม จึงไม่ร่วมลงชื่อในการต่อใบอนุญาต ซึ่งตอนนี้เหมือนกับว่าผู้ที่ได้เสนอชื่อก็ถอดใจถอนตัวไปแล้ว และตอนนี้หลังจากมีศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม บอกว่าจะมีโรงเรียนเปิดรับนักเรียนของเราทั้งหมด ตอนนี้ทราบข่าวว่าก็รับไม่หมดแล้วบางแห่งต้องมีการสอบเข้าด้วยบางแห่งบอกยังไม่คุยให้มาพบกันหลังจากนี้
“ถึงตรงนี้ผมสงสารนักเรียน จาก 6 ข้อนั้น ผมก็จะไม่สนใจการขัดแย้ง แต่จะเสนอว่าตรงนี้ให้นักเรียนมีที่เรียนก่อนได้ไหม คือการที่ให้คนกลางมาคอยดูแลโรงเรียนไปเลย โดยให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐมจัดคนมาดูแลกันไปก่อน และให้ทายาทไปทำเรื่องขอเป็นผู้จัดการมรดก แต่ทุกคนต้องเสนอทำไปร่วมกันเพราะที่ผ่านมาทายาทฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับผม เขาไม่ยอมไปยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อโรงเรียนได้เปิดกิจการต่อไปได้แล้วค่อยมาจัดการในการบริหารงานกัน ซึ่งลึกๆมีปัญหากันมากับทายาทบางคนถึง 20 ปี และเรื่องการเพิ่มทายาท จาก 3 คนเป็น 8 คน ก็เพิ่งมีมาไม่นานนี้ แต่ผมก็คิดตอนแรกว่าถ้าตกลงไม่ได้ก็ต้องยอมจบให้ปิดโรงเรียนกันไป แต่ถ้าเด็กเดือดร้อนผมก็จะขอเรื่องเดียวคือ ให้คนกลางมาดูแลบริหารงานก่อน และพร้อมเจรจาอีกครั้งถ้าทุกคนพร้อม”
ข่าวน่าสนใจ:
ด้านพลโทสุรพงษ์ ปราการรัตน์ หนึ่งใน 8 ทายาท กล่าวว่า ปัญหานี้ได้มีการพูดคุยกับทางนายอมรเทพฯ มานาน โดยการที่ทางทายาททั้ง 5 คนได้ยื่นข้อเสนอไปในการให้ผู้ที่จะมาขอรับโอนใบอนุญาต จำนวน 6 ข้อ ก็เพราะเห็นว่าจะมีการพัฒนาโรงเรียนไปในทิศทางที่ดี ทั้งการจัดระบบการค้าขาย การจัดระเบียบความสวยงามในสถานที่ ซึ่งเป็นไปเพราะทางนายอมรเทพก็ได้มีการยื่นเอกสารเข้ามาเสนอ 3 ข้อ ซึ่งตนเองและนายอมรเทพ ต่างก็เป็นศิษย์เก่า ที่เคยเรียนและผูกพันกับที่โรงเรียนแห่งนี้ การคาดหวังในการพัฒนาในรุ่นลูกหลานก็อยากให้มีต่อไปเสียชื่อเสียงวงษ์ตระกูล และแสดงให้เห็นว่าทางทายาททั้ง 8 มีสิทธิเสียงเสมอกัน แต่ตอนนี้การบริหารงานต่อไปมันจะยากเพราะถ้ามีบางคนไม่ฟังเสียงคนที่มีชื่อทายาท
พลโทสุรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า วันนี้เราไม่ได้คิดว่าจะมาล้มโรงเรียนแต่ทำเพราะมีความหวังอันดี ซึ่งวันนี้เรามองว่าถ้ามีใครจะมาเป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อให้โรงเรียนสามารถดำเนินการต่อไปได้ก็ยินดี เพราะโรงเรียนจาวุรรณวิทยา ก็สร้างตนเองให้มีความมั่นคง และสร้างศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงหลายคน ส่วนข้อเสนอในข้อที่ 1 เรื่อง คือผู้รับใบอนุญาตอยู่ในวาระ 2 ปีการศึกษา เมื่อครบกำหนดจับฉลากหมุนเวียนผู้บริหารที่หมดสิทธิ์ ตรงนี้ที่ทางทายาทอีกฝั่งไม่เห็นด้วยก็สามารถมาคุยกันได้ว่าใครบริหารดีก็สามารถอยู่ต่อในวาระได้ เรื่องนี้ก็ต้องมาคุยกันแบบชัดเจนได้
“วันนี้เรามาทำให้โรงเรียนเดินหน้าไม่เปิดกิจการไปก่อน แล้วขอให้ทายาททั้ง 8 ครอบครับค่อยมาระดมความคิดว่ากันในเรื่องการไปร้องต่อศาลในเรื่องผู้จัดการมรดกอีกครั้งก็ได้ ทางนั้นถ้ามีหลักฐานอะไรก็เอามาแสดงต่อศาลว่าจะเป็นอย่างไรก่อนเพราะตอนนี้สงสารและเห็นใจเด็กและครอบครัวที่กำลังจะประสบปัญหากับการถูกเพิกถอนใบอนุญาตในช่วงเดือนหน้านี้แล้ว” พลโทสุรพงษ์ กล่าว
นายสิทธิศักดิ์ โพธิ์รุ่งแจ้ง อายุ 34 ปี ผู้ปกครอง บอกว่า รู้สึกไม่สบายใจและมีผู้ปกครองหลายคนก็พยายามจะสู้ให้โรงเรียนนี้อยู่ต่อไป โดยขอให้ทายาททั้ง 8 ครอบครัวกลับมาทบทวนอีกครั้งเพื่อให้โรงเรียนเดินหน้าไปก่อนและเก็บประวัติศาสตร์ดีดีของชุมชนเอาไว้
ทั้งนี้หลังกระแสข่าวที่สื่อมวลชนได้นำเสนอออกไป ท่าทีของทายาททั้ง 2 ฝั่งได้มองไปในทิศทางเดียวกันคือต้องการให้โรงเรียนได้มีการดำเนินการต่อไปก่อน ส่วนปัญหาอื่นๆที่เคยขัดแย้งกันในครอบครัวจะขอให้ไปแก้ปัญหาในอนาคต ซึ่งถึงตอนนี้คณะครู และผู้ปกครองได้เดินหน้าในการไปร้องขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครปฐม สำนักงานการประถมศึกษาแห่งชาติ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดยื่นมือลงมาในการสะสางปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้หากการดำเนินการร้องเรียนไม่เป็นผลอาจจะมีการรวมตัวเพื่อลงรายชื่อเพื่อร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้คุ้มครองชั่วคราวให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม เข้ามาควบคุมกิจการต่อไปหากสามารถทำได้ โดยทุกฝ่ายกำลังเดินหน้าเพื่อจะทำให้โรงเรียนจารุวรรณ ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองในปีที่ 68 และเป็นประวัติศาสตร์ของชุมชนและเป็นความทรงจำที่ดีของผู้คนในอำเภอนครชัยศรีต่อไป.
อภิชัย ศรีม่วงงาม : 77ข่าวเด็ด นครปฐม – รายงาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: