หอการค้าขอนแก่นคาดเศรษฐกิจปีหน้ายังหนัก ชูอุตสาหกรรมฟูดอินโนโพลิส-ธุรกิจ โลจิสติกส์ ยังมีอนาคต
นายเข็มชาติ สมใจวงษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ให้สัมภาษณ์เรื่องภาวะเศรษฐกิจขอนแก่นในปีหน้า โดยกล่าวว่า เป็นเรื่องคาดการณ์ได้ยาก แต่คิดว่าพวกเราทุกคนได้ผ่านสภาวการณ์ของปีนี้มาได้ในระดับหนึ่งแล้ว ที่น่าเป็นห่วงก็คือกลุ่มคนระดับล่าง เนื่องจากรายได้พืชผลการเกษตรยังไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่ควร อันเนื่องจากปัญหาราคาในตลาดโลกและภาระหนี้สินซึ่งก็ยังเป็นปัญหาเดิมที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือมีการแก้ไขแล้วแต่ยังไม่ส่งผล ไม่ว่าจะการช่วยพยุงราคา หรือนโยบายโน่นนี่ต่างๆ สำหรับตนคิดว่า ถ้าจะแก้ปัญหาราคาพืชไร่ด้วยตัวเกษตรกรเองเป็นเรื่องยาก ต้องแก้ด้วยการสร้างดีมานด์ นั่นคือต้องหาโรงงานหาอะไรมาแปรรูปให้เขา แต่จะให้เขาไปเปลี่ยนวิธีคิดไปปลูกอย่างอื่น ไปทำนาแปลงใหญ่ ให้เขาลดต้นทุน ทำไม่ได้หรอกเพราะเขาไม่มีความพร้อม ไม่มีทุน และก็มีความเคยชินเป็นตัวกำหนด ฉะนั้นเราต้องทำดีมานด์พูล ก็คือสร้างดีมานด์ คุณเคยปลูกอ้อยได้แต่ทำอย่างไรให้มีความต้องการอ้อยมากขึ้น มีความต้องการข้าวมากขึ้น มันมากขึ้น ก็คือต้องพยายามเอาผลิตผลตรงนั้นมาแปรรูปให้ได้ โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร ให้อุตสาหกรรมเป็นตัวดึงปริมาณความต้องการผลิต ส่วนตนเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมภาคอีสานโดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่นให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมนวัตกรรมอาหารหรือที่เรียกว่า ฟูดอินโนโพลิส ส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรที่จะทำให้เกิดการแปรรูปขั้นสูง เช่น โรงงานแปรรูปอ้อยเป็นน้ำตาล พลังงาน หรือเครื่องสำอาง พอมีขึ้นก็สามารถซื้ออ้อยในราคาที่ดีขึ้น ใช้อ้อยมากขึ้น หรือโรงงานผลิตแป้งมันซึ่งเป็นแค่ขั้นต้น แต่ตอนนี้แป้งเอาไปผลิตเป็นเครื่องสำอางได้ เป็นยารักษาโรคได้ ต้องส่งเสริมกลุ่มนี้เพราะจะช่วยเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบในท้องถิ่น เพิ่มปริมาณความต้องการวัตถุดิบ และสุดท้ายก็จะส่งผลต่อเนื่องให้เกษตรกรผู้ปลูกมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งตรงนี้เห็นว่ารัฐบาลทำถูก สำหรับ คำถามที่ว่า ทำไมต้องเป็นขอนแก่น นั่นเพราะว่าเรามีแหล่งผลผลิตการเกษตรในพื้นที่ และเรายังมีแหล่งที่สามารถส่งจากจังหวัดข้างเคียงเข้ามา เพราะเราอยู่ตรงศูนย์กลาง เรื่องโลจิสติกส์ฮับก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะเอื้อ ทั้งการนำเข้าวัตถุดิบและการส่งสินค้าไปยังท่าเรือ ไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมขอนแก่นเหมาะสม
ข่าวน่าสนใจ:
ธุรกิจโลจิสติกส์มีลู่ทางสดใส
สำหรับเศรษฐกิจในปีหน้าเราก็มีความหวัง แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยมันก็คงจะเหมือนเดิม คิดว่าอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับในเรื่องโลจิสติกส์ของขอนแก่น เรารู้ว่าอะไรจะมารถไฟทางคู่จะแล้วเสร็จ รถไฟความเร็วสูงจะมีในอนาคต มีรถไฟสายบ้านไผ่-นครพนมเพราะฉะนั้นขอนแก่นจะเป็นชุมทาง ธุรกิจพวกนี้ต้องมีการปรับปรุง อาจจะไม่ได้เป็นการลงทุนอย่างเดียว ปรับปรุงการผลิต หรือใช้เทคโนโลยีเข้ามา แต่ไม่ควรจะอยู่เฉยๆ เพราะถ้าอยู่เฉยเราก็จะตามเขาไม่ทันอย่างนี้ เป็นต้น
ปรับตัวสู่ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ในส่วนของธุรกิจก็ควรจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้น ธุรกิจร้านอาหารโรงแรมควรจะทำงานเฉพาะด้านมากขึ้นไม่ใช่ขายทุกอย่าง เช่นเป็นร้านขายอาหารพื้นเมือง อาหารเวียดนาม หรืออาหารมังสวิรัติ ไม่ใช่อาหารตามสั่งหรือขายทุกอย่าง โรงแรมก็ต้องปรับตัว เช่น เป็นโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โรงแรมสำหรับวัยรุ่น หรือโรงแรมสำหรับผู้สูงอายุที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ มันต้องจัดให้เฉพาะไปเลย แบบนี้เราก็จะมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน ลูกค้าก็จะรับรู้และมองเห็นเราได้ชัด เพราะทุกวันนี้การสื่อสารทำได้ง่าย นั่นคือเราจะต้องมีความชำนาญเฉพาะด้านมากขึ้น แรงงาน นักเรียนนักศึกษาก็เหมือนกัน จะไปสมัครงานไม่ใช่บอกว่า จบบริหารธุรกิจ แต่คุณต้องบอกเลยว่าคุณชำนาญ คุณเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ เรื่องบัญชี หรือการเงิน เป็นต้น
นโยบายเศรษฐกิจต้องสะท้อนความจริง
ส่วนเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจถ้าเป็นข้อเสนอผมคิดว่าอยากจะให้รัฐทำโครงการแบบเดิมกระตุ้นเศรษฐกิจภาคนี่แหละแต่ให้เวลา ให้เวที ให้ภาคเอกชนเขาคุยกัน ให้ตกผลึก แล้วรัฐเป็นผู้สนับสนุน ไม่ใช่ว่ามาแล้วอาทิตย์หนึ่งสองอาทิตย์แล้วก็จะเอาผลสรุป มันก็จะไปหยิบแต่ถนน สะพาน หรือขุดลอกคลองมาเหมือนเดิม ยกตัวอย่างเช่น ภูกระดึงนี่ทุกจังหวัดเห็นด้วย ถ้าภูกระดึงจะมีกระเช้าไฟฟ้า ชุมแพก็ได้ประโยชน์ ขอนแก่นคนก็มาลงรถไฟ ลงเครื่อง นักท่องเที่ยวก็จะหลั่งไหลมา ทำให้มีสิ่งที่ดีเกิดขึ้น แต่ต้องให้เวลา ให้เอกชนคุยกัน ไม่ใช่มีแต่ส่วนราชการคุย
บทบาทใหม่ one stop service สำหรับนักลงทุน
ตอนนี้หอการค้าเชิญชวนสภาอุตสากรรม บีโอไอ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่5 อุตสาหกรรมจังหวัด รวมกลุ่มเป็นคณะทำงานชื่อ คณะกรรมการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนในจังหวัดขอนแก่น ทำหน้าที่เชิญชวนนักลงทุนให้เขาเข้ามาลงทุนในพื้นที่ เราก็จะคุยกับบีโอไอเช่นเรื่องสิทธิประโยชน์ ธรรมดาให้ 8 ปี ถ้าพลัสพลัสเข้าไปได้ถึง 13 ปี ทำอย่างไรถึงจะพลัส อุตสาหกรรมนั้นต้องมีผลช่วยในเรื่องส่วนรวมก็จะได้ +1 + 2 + 3 ตรงนี้แหละครับที่เราจะแสดงให้ผู้ลงทุนเห็น เรื่องที่สอง ใครที่จะเข้ามาลงทุนที่ขอนแก่น อุตสาหกรรมจังหวัดจะต้องทราบ คณะกรรมการนี้จะต้องทราบเพราะว่าเราจะมีหน้าที่ประสานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งราชการ ชุมชน ภาคประชาสังคม เอ็นจีโอ มานั่งคุยกันในเชิงสร้างสรรค์ ตอบคำถามเขาในสิ่งที่เขาสงสัย เช่น น้ำเสียจะลงไปที่แม่น้ำไหม จะมีควันไปสร้างมลพิษหรือเปล่า ต้องเชิญทุกคนเข้ามาคุยกัน ไม่ใช่ให้ผู้ลงทุนเขามารู้ตอนที่สร้างโรงงานแล้ว แล้วตอนจะเปิดก็มาล้อมโรงงานไม่ให้เปิด. เราไม่อยากให้เกิดภาพนั้น อุตสาหกรรมจะต้องรู้ก่อนว่า จะอนุมัติโรงงานอะไรเกิดขึ้นในขอนแก่นที่มันมีผลกระทบ ไม่ใช่โรงงานทุกโรง เช่นเรื่องของโรงงาน กระทิงแดง ถ้าเรามีคณะกรรมการชุดนี้ก่อน เราก็จะคุยกัน มันก็จะไม่เกิดปัญหาความไม่เข้าใจกัน ก็คือถ้าเขามาลงทุนในบ้านเราแล้ว ทำอย่างไรจะทำให้เขาอยู่อย่างมีความสุข ทั้งผู้ลงทุน ทั้งเจ้าของพื้นที่ ทั้งชุมชน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าระดับจังหวัด เช่น เรื่องของโปรแตช เราก็จะประสานคุยกันในระดับของหอการค้าจังหวัดซึ่งตอนนี้เรากำลังขับเคลื่อนไปด้วยกัน แต่ตอนนี้เราต้องขับเคลื่อนที่บ้านของเราก่อน คนที่จะเข้ามาลงทุน เขาไม่รู้จักพื้นที่ดีเท่าเรา แล้วที่ผ่านมาเขาก็ไม่รู้จะไปคุยกับใคร เพราะฉะนั้นเราก็จะประกาศตัวไปเลยว่าเราจะเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นท่านเดินเข้ามาเลยที่สภาอุตสาหกรรม เข้ามาที่หอการค้า แล้วท่านจะได้สิ่งที่ต้องการ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: