บริเวณแปลงเกษตร แหล่งฟื้นวิชาชีพ และฐานฝึกลูกเสือยุวกาชาด ด้านหลังโรงเรียนตรอนตรีสินธุ์ อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอตรอน คณะครู นักเรียนกว่า 600 คน ต่างเดินเลาะริมตลิ่งด้วยความระมัดระวัง เพื่อชี้ให้เห็นถึงความเสียหาย หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ระดับน้ำในคลองตรอน ที่ไหลผ่านหลังโรงเรียน เพิ่มระดับสูง ไหลแรงและเชี่ยว กัดเซาะตลิ่งพังเป็นแนวยาวกว่า 200 เมตร ความสูงกว่า 10 เมตร ล่าสุดน้ำกัดเซาะขยายวงกว้าง ทั้งต้นไม้ ป่าไผ่ แปลงเกษตร จมไปกับสายน้ำ ที่ดินโรงเรียนหายไปกว่า 4 ไร่ จึงอยากวอนให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ
หลังโรงเรียนมีคลองตรอน ซึ่งรัยน้ำจากอำเภอทางตอนเหนือของจังหวัดอุตรดิตถ์ไหลผ่าน ด้วยปริมาณน้ำเพิ่มสูง ไหลเชี่ยว ทำให้น้ำกัดเซาะตลิ่งพังทุกๆวัน ใต้ดินเริ่มมีโพรง และตลิ่งสูง น้ำลึก เป็นอันตรายสำหรับนักเรียนที่มักใช้บริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งฝึกประสบการณ์ ปีน้ำฝนตกหนักต่อเนื่อง ปริมาณน้ำมีมาก ตลิ่งทรุดตัวแนวยาว ต้องห้ามนักเรียนเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว และด้วยโรงเรียนมีงบประมาณน้อย จึงไม่สามารถสร้างพนังกันน้ำได้ ทำให้ที่ดินจมหายไปกับน้ำแล้วกว่า 4 ไร่ แนวยาวกว่า 200 เมตร หากไม่แก้ไขเชื่อว่าจะทรุดตัวมากขึ้น นักเรียนกว่า 600 คน พร้อมใจวิงวอนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยแก้ไข
นายเสฐียรพงศ์ มากศิริ ผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์ พร้อมนายพัฒนพงษ์ สร้อยอินทรากุลนายอำเภอตรอน รุดลงพื้นที่ตรวจสอบและรับฟังปัญหาจากคณะครู นักเรียน พร้อมกล่าวว่า ตลิ่งทรุดตัวอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องเร่งแก้ไข ได้ให้โรงเรียนรายงานรายละเอียดไปยังอำเภอและจังหวัด เพื่อให้โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่สำรวจ ออกแบบ และประเมินงบประมาณในการสร้างพนังกันน้ำคอนกรีต เพื่อจัดงบประมาณส่วนของเงินเหลือจ่ายของจังหวัดแก้ไขปัญหาให้เป็นการเร่งด่วน หากงบประมาณมีเพียงพอ แต่หากต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก จะการสนับสนุนไปยังกรมโยธาธิการ ส่วนกลาง พร้อมจัด จนท.หรือวิศวกรประมาณการ ออกแบบ ซึ่งพนังกันน้ำคอนกรีตจุดที่เกิดตลิ่งพัง ต้องออกแบบให้สามารถต้านกระแสน้ำและการกัดเซาะจากความแรงของน้ำให้ได้ มิเช่นนั้นเมื่อเกิดน้ำหลากจะพังเสียหาย
