ครอบครัว ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกันกักพื้นที่ 2 สาวไทย กลับจากทำงานจากประเทศจีน โดยถูกชาวบ้านในชุมชนออกมาต่อต้านหลังทราบข่าว แต่สามารถชี้แจงทำความเข้าใจกันได้ ด้านส.ส.ในพื้นที่ระบุการกักตัวบุคคลที่กลับจากประเทศระบาดหรือประเทศเสี่ยงภายในบ้าน เป็นเรื่องที่ดีลดความกดดันของผู้ถูกกักตัว แต่รัฐบาลโดยศูนย์ข้อมูลโควิดจะต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนและชุมชน เพื่อไม่ให้คนในชุมชนวิตกกังวลออกมาต่อต้าน เพราะปัญหาเกิดจากคนเสพข่าวผ่านทางสื่อโซเชียลที่ขาดแหล่งที่มามากเกินไป
วันที่ 14 มีนาคม 2563 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายประยงค์ ขวัญสิริดำรง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลท่างิ้ว เจ้าหน้าที่สาธารณสุข นายทวีสิน รอดคืน กำนันตำบลท่างิ้ว นายสัมพันธ์ ฝาดซิ้น กำนันตำบลหนองช้างแล่น รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นหลังที่ใช้สำหรับการกักตัวของผู้หญิง 2 คน คนหนึ่งเป็นชาวจ.ตรัง ส่วนเพื่อนเป็นชาวอำเภอท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเดินทางกลับจากการทำงานที่เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ถึงจ.ตรัง เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา โดยทางครอบครัว ญาติพี่น้อง ได้จัดพื้นที่ซึ่งเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งใช้สำหรับการกักตัวทั้ง 2 คน เป็นเวลา 14 วัน โดยมีทางครอบครัว ซึ่งประกอบด้วย น้องสาว และน้องเขยของหญิงชาว จ.ตรัง เป็นคนดูแล จัดเตรียมพื้นที่ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ไว้ภายในบ้านไว้รองรับ และจัดซื้ออาหาร กับข้าวให้ทั้ง 2 คน ได้หุงหารับประทานกันเองภายในบ้านหลังดังกล่าว โดยแยกตัวออกไปต่างหาก ไม่ได้มาคลุกคลีกับคนอื่นๆในครอบครัว รวมทั้งเพื่อนบ้านในหมู่บ้านแต่อย่างใด ส่วนตัวบ้านมีการล้อมเชือกพร้อมปิดป้ายห้ามเข้าไว้ ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลท่างิ้วมาคอยติดตาม ตรวจเช็คร่างกายของทั้ง 2 คน และจะมีอุปกรณ์วัดไข้ไว้ประจำตัวคนละ 2 ชุด เพื่อไว้ตรวจเช็คร่างกายของตนเองอยู่ภายในบ้าน และคอยรายงานผลการตรวจวัดให้เจ้าหน้าที่ทราบเป็นระยะๆ เพื่อเฝ้าระวังร่างกายของตนเอง ซึ่งหากพบมีอาการไข้ ก็สามารถโทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่มารับตัวได้ทันที แต่เบื้องต้น พักอาศัยตามลำพังมาแล้วประมาณ 4-5 วัน ก็ยังไม่มีอาการไข้ใดๆ ทั้ง 2 คน ยังปกติ
ข่าวน่าสนใจ:
- จังหวัดสกลนคร พัฒนาศักยภาพบุคลากร ภาคีเครือข่าย เฝ้าระวัง ดูแลรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยยาเสพติด
- วิกฤตพะยูนตรัง 7 วันสำรวจ พบแค่ตัวเดียว ทดลองวางแปลงอาหาร กลับถูกเมินไม่ยอมกิน
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
- ชวนชิม 'ศรีบุญเรือน' ร้านข้าวต้มต้นตำรับ สืบทอดสามรุ่น เสน่ห์ร้านข้าวต้มยามค่ำคืน ที่รวมอาหารจีน อาหารเหลา อาหารใต้ไว้ในร้านเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ในวันนี้หลังจากชาวบ้านในพื้นที่ต.ท่างิ้ว และ ต.หนองช้างแล่น ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกัน ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงทราบข่าว ก็เกิดความวิตกกังวล โดยขอให้ทั้ง 2 คน ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เพราะหวั่นความไม่ปลอดภัย กลัวทั้ง 2 คนจะแพร่กระจายเชื้อ ทำให้กำนันทั้ง 2 ตำบล ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ ต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ส่วนหนึ่งคลายวิตกกังวล แต่บางส่วนยังกังวล ทั้งนี้ การกักตัวเองของหญิงทั้ง 2 คน ที่เดินทางกลับจากประเทศจีนแหล่งระบาดดังกล่าว โดยมีทางครอบครัวคอยดูแลจนครบ 14 วันในการส่งข้าว ส่งน้ำ จะไม่ออกไปข้างนอกอย่างแน่นอน ขอให้ประชาชนเข้าใจและไว้วางใจในมาตรการดังกล่าว
ทั้งนี้ นายชนะ รักษา อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นน้องเขยของหญิง ชาว จ.ตรัง พร้อมภรรยา ก็บอกว่า ตนเองกับภรรยาเป็นคนดูแลพี่สาวกับเพื่อนด้วยตัวเอง ทั้งการจัดบ้าน เตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้พร้อมสรรพก่อนจะไปรับทั้ง 2 คน กลับมา โดยทั้ง 2 คน ก็มีการป้องกันตนเองอย่างดี ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับใคร ตนเองคอยส่งข้าว ส่งน้ำ กับข้าวให้ทั้ง 2 คน ปรุงรับประทานกันเองภายในบ้าน ไม่ได้ออกจากบ้านพักกักตัวอย่างใด ขอเพื่อนบ้านไม่ต้องกังวล แต่หากตนจะให้พี่สาวกับเพื่อนออกไปอยู่ที่อื่น ตนเองก็ทำไม่ได้ เพราะหวั่นว่าหากปรากฏอาการป่วยในภายหลัง อาจทำบุคคลอื่นได้รับความเดือดร้อนได้ จึงให้ทั้ง 2 คน อยู่กับบ้านจะดีที่สุด และเฝ้าระวังให้ครบ 14 วัน ทั้งนี้ อยู่มาประมาณ 4-5 วันแล้ว ก็ไม่ได้มีอาการอะไร
เช่นเดียวกับนายสัมพันธ์ ฝาดซิ้น กำนันตำบลหนองช้างแล่น ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกัน กล่าวว่า ชาวบ้านที่วิตกกังวลและรวมตัวกัน รวมทั้งร้านค้าใกล้เคียงแห่งหนึ่งต้องปิดร้าน ทุกคนทั้งกำนันทั้ง 2 ตำบล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้ง ส.ส.ก็ได้ร่วมกันทำความเข้าใจ ขณะนี้ส่วนหนึ่งก็ดีขึ้น แต่อาจมีบางส่วนยังรู้สึกกังวล ทั้งนี้ ทั้ง 2 คน ไม่ได้มีอาการป่วยแต่อย่างใด แต่เราต้องร่วมกันกักตัวตามมาตรการเฝ้าระวังอาการให้ครบ 14 วัน หรือหากพบมีอาการภายหลัง โรคดังกล่าวนี้ก็ไม่ได้ติดกันง่ายๆ หากมีการกักตัวแล้ว ก็ไม่ได้ไปคลุกคลีกับบุคคลอื่น หากพบว่ามีอาการป่วย ซึ่งมีการตรวจวัดไข้และเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด ก็จะโทรไปหาเจ้าหน้าที่ให้จัดรถมารับถึงที่ จะไม่สามารถคลุกคลีกับชาวบ้านได้เลย ขอให้ชาวบ้านอย่าวิตกกังวล
ส่วนหญิงทั้ง 2 คน กล่าวว่า ตนเองไปทำงานถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านกระทรวงแรงงาน โดยจะสิ้นสุดสัญญาจ้างในเดือนตุลาคม 2563 ก่อนหน้านี้หลังพบการระบาดของโรคที่ประเทศจีน ตนเองก็ถูกทางการจีนให้กักตัวอยู่แต่ภายในบ้าน และส่งหมอมาตรวจวัดไข้ทุกวัน รวมเป็นเวลา 1 เดือน 20 วัน จากนั้นตนเองกับเพื่อนเห็นว่าสถานการณ์ในประเทศจีนยังทำงานไม่ได้อีกนาน จึงขอกลับบ้านผ่านทางการจีน ประสานสถานทูตไทย ก่อนออกเดินทางก็ถูกตรวจร่างกายอย่างละเอียด ไม่พบอาการไข้ จึงได้เดินทางกลับ โดยทางสถานทูตได้แนะนำวิธีการเดินทาง ขั้นตอนการปฏิบัติตัวตลอดการเดินทาง จนกระทั่งกลับถึงบ้านก็ยอมกักตัวเอง ซึ่งหากสถานการณ์ของโรคในประเทศจีนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทางประเทศจีนก็จะต้องเรียกตัวกลับไปทำงานจนครบกำหนดสัญญา
ทางด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกักกันตัวผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงไว้ที่บ้านมีข้อดี คือ ทำให้ผู้ถูกกักตัวไม่รู้สึกกดดัน มากจนเกินไป และหลังจากมาดู 2 รายนี้ ทำให้เห็นว่า ฝ่ายกระทรวงสาธารณสุขโดยสถานีอนามัยก็มาดูแล และก็มีมาตรการที่ค่อนข้างดี ฝ่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ต้องรายงานกระทรวงมหาดไทย ส่วนตัวของคนที่ผ่านประเทศกลุ่มเสี่ยงก็มีจิตสำนึกในการที่จะต้องรู้ตัวว่าตัวเองจะต้องถูกกัก ซึ่งทั้ง 2 ราย ที่เดินทางมาจากจีนก็ได้เล่าถึงมาตรการที่มาจากจีนได้ค่อนข้างชัดว่าต้องผ่านมาตรการกักตัวที่จีนมาแล้วเดือนกว่า และก็ไม่พบโรค จีนก็อนุญาตให้เดินทางกลับมาภูมิลำเนาได้ กลับมาแล้วก็ดูแลเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ค่อนข้างดีและตัวเองก็ยอมที่จะให้มีการกักตัวที่บ้าน 14 วันด้วย ปัญหาก็จะมีเรื่องความเข้าใจของชุมชน ซึ่งที่นี่ก็มีปัญหา แต่ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่อนามัยก็ได้ไปชี้แจงชาวบ้าน ทำให้ลดความกังวลลงมาบ้าง แต่ ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูลโควิดของรัฐบาล จำเป็นจะต้องให้ความเข้าใจกับชุมชนโดยทั่วไป เพราะขณะนี้ประชาชนบริโภคข่าวสารจากสื่อโซเชี่ยลเป็นหลัก ซึ่งไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่ไปที่มา ไม่ได้เป็นข้อมูลทางการ เพราะฉะนั้นข้อมูลทางการจากรัฐบาลสำคัญมากที่ให้คนเข้าใจว่าการปฏิบัติตัวของชุมชนเป็นอย่างไร ที่จะทำให้คนตระหนัก แต่ไม่ตื่นตระหนกมากจนเกินไปนัก ทั้งนี้ มาตรการกักตัวเองกับบ้าน ก็ใช้กันเป็นสากลทั่วโลกที่มีผู้คนติดเชื้อ รวมทั้งคนดังๆทั่วโลก เพราะฉะนั้นมาตรการนี้ก็ต้องสร้างความเข้าใจกับชุมชนด้วย เพื่อไม่ให้ชุมชนต่อต้าน เราก็จะผ่านวิกฤติแบบนี้ไปได้ โดยไม่ตื่นตระหนกมากจนเกินไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเกิดคนป่วยขึ้นมาในบ้านจะยิ่งสร้างความวิตกกังวลให้คนในชุมชน หรือสังคมนั้นๆมากขึ้นหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายฝ่ายตั้งโจทย์เอาไว้ว่า ศูนย์ข้อมูลโควิดจะต้องให้ข้อมูลต่อเนื่องกันไปด้วยว่า ในกรณีเจอคนป่วยจะต้องปฏิบัติอย่างไร ถ้าตัวเรา หรือชาวบ้านเป็นผู้ป่วยต้องปฏิบัติตัวอย่างไร คนรอบข้างต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เพราะในไทยเรายังเจอเคสแบบนี้น้อยมาก แต่ต่างประเทศ จีน อิตาลีเขาเจอจำนวนมาก เขาก็จะมีวิธีปฏิบัติของเขา เพราะฉะนั้นถ้าเราได้ชี้แจงข้อมูลส่วนตัวเชื่อว่าคนไม่ตื่นตระหนกมากจนเกินไป สมัยตอนโรคซาร์ โรคเมอร์ส และไข้หวัดนก แรกๆเราก็ตื่นตระหนก แต่ในที่สุดด้วยการทำความเข้าใจร่วมกันมีมาตรการที่ดีเราก็ผ่านไปได้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: