คืบหน้า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ ติดไวรัส โควิด 19 ส่วนยี่สิบคนใกล้ชิดพ้นวิกฤตผลตรวจเป็นลบ และมีการกักบริเวณอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน
จากกรณีผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ ติดเชื้อไวรัส โควิด 19 ตามที่อธิบดีกรมควบคุมโรคได้ออกมาแถลงเมื่อวานนี้ คืบหน้าล่าสุดในวันนี้ที่ 27 มีนาคม 2563 นายแพทย์พรณรงค์ ศรีม่วง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้วที่ตนต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้าน โดยใช้ชีวิตตามปกติ เผอิญตนอยู่ที่บ้านพักคนเดียวก็เลยไม่ต้องระวังญาติพี่น้องแต่อย่างใด ส่วนในการบริหารงานของสาธารณสุขนั้นตนได้มอบหมายให้รองผู้อำนวยการปฏิบัติราชการแทน ถ้ามีวาระที่เร่งด่วนหรือจำเป็นเราก็มีการติดต่อกันทางโซเชียลหรือติดต่อประสานงานกันทางไลน์ทางอินเตอร์เน็ตแทน คือใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน ส่วนสาเหตุที่ตนอยู่ในกลุ่มเสี่ยงนั้นเนื่องจากนั่งใกล้ชิดกับผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าป่วย ในส่วนของโรงพยาบาลสมุทรปราการเอง หลังจากที่ผู้อำนวยการไปรักษาตัวอยู่ ได้มีการมอบหมายในรองผู้อำนวยการปฏิบัติราชการแทน ส่วนผู้ใกล้ชิดทั้ง 20 คนผลการตรวจออกมาแล้วได้เป็นผลลบ ไม่พบเชื้อโควิด แต่ยังคงต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้านอีก 14 วัน เพื่อรอดูอาการว่ามีอาการป่วยอีกหรือไม่
ระหว่างนี้เราต้องกักตัวเสมือนว่าตัวเรามีเชื้ออยู่ จะได้ไม่ไปแพร่ให้กับคนอื่น ส่วนในเรื่องบริหารจัดการ ทางผู้อำนวยการก็ได้มอบหมายให้ทางรองผู้อำนวยการที่ได้รับการแต่งตั้งจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการแทน ส่วนอาการของท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ ตอนนี้อาการยังปกติดี เพียงแต่ว่ายังไม่มีอาการรุนแรงอะไรยังปกติดี เป็นการรับเชื้อเบื้องต้น ส่วนสภาพโดยรวมของจังหวัดสมุทรปราการ จากเมื่อวานจนถึงวันนี้ได้รับรายงานว่ายอดของผู้ป่วยลดลงน้อยกว่าเมื่อวาน จากเมื่อวานมีอยู่ประมาณ 30 กว่าคน แต่พอมาในวันนี้เหลืออยู่ประมาณ 20 กว่าคนเท่านั้นถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นเพราะว่าในรายที่กักตัวเอาไว้สังเกตอาการครบ 14 วันเราก็ให้กลับบ้านได้ ในส่วนอื่น ๆ ของโรงพยาบาลเองเราก็ยังมีมาตรการปกติ คือเว้นระยะห่าง แล้วก็ในการรับยา อาจจะยึดเวลาให้นานขึ้นในการรับยาประจำ และก็มีการสื่อสารประชาสัมพันธุ์ในเรื่องกินร้อนช้อนกลางและก็ล้างมือปกติทั่ว ๆ ไป แต่ที่เน้นมากก็คือการรักษาระยะให้ห่างกันคือถ้าห่างกันได้ถึง 2 เมตรถือว่าปลอดภัยเพราะว่าไออย่างไรก็ไม่ถือ 2 เมตร เพราะว่าเชื้อตัวนี้เรียกว่ามันไม่ได้มาทางอากาศ แต่ถ้าสัมผัสถึงจะติด และพยายามอย่าไปอยู่ในที่แออัดดีที่สุดเพราะว่าเราอาจจะไปติดเชื้อมาโดยที่เราไม่รู้ตัวและไปแพร่ให้คนอื่นได้ ซึ่งเชื้อไวรัสตัวนี้อยู่กลางแสงแดดได้ไม่เกิน 5 นาทีมันก็ตายแล้ว หมายถึงว่าผู้รับเชื้อถ่มเสมหะลงพื้นกลางแจ้งอยู่กลางแดดไม่ได้เกิน 2-3 นาทีมันก็ตาย แต่ถ้าอยู่ในที่เย็นมันจะอยู่ได้นาน เราก็เช็ดโต๊ะทำงานและพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำสบู่ เพราะเชื้อพวกนี้ใช้กรดสบู่มันจะล้างออก เพราะตัวไวรัสเป็นตัวไขมันเอาน้ำสบู่ล้างได้เลย เพราะฉะนั้นภาพโดยรวมของจังหวัดสมุทรปราการดีขึ้น ตั้งแต่เราใช้มาตรการเข้มข้นขึ้นก็เริ่มคุมได้ กลุ่มผู้ป่วยใหม่ ๆ ลดลง และผู้ป่วยเก่าเราก็เริ่มให้กลับบ้านได้
ด้านนายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า จังหวัดสมุทรปราการ เป็นจังหวัดปริมณฑล ที่อยู่ติดกับกรุงเทพมหานคร ซึ่งเราก็ใช้มาตรการเดียวกันมีการประกาศออกไปแล้ว 4 ฉบับ เพื่อควบคุมพื้นที่และสถานที่ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนไปรวมตัวกันมาก ๆ และยังมีมาตรการอื่นๆ ออกมาใช้ ทั้งการให้ความรู้ในการป้องกันและควบคุม และมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจประชาชนที่เดินทางมาจากต่างประเทศและประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่กักตัว 14 วัน ตอนนี้เราก็ได้พยายามดูในเรื่องการแพร่ระบาดในจังหวัดไม่ให้มันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในส่วนผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ ติดเชื้อไวรัส โควิด 19 ตอนนี้ได้มีการตรวจสอบหรือมีการสกรีนคนว่าคนที่ใกล้ชิดจริง ๆ กับผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนดังกล่าวว่ามีกี่คน และทราบว่าตอนนี้ทางสาธารณสุขจังหวัดรายงานมาว่ามีอยู่ประมาณ 20 คน ชั้นต้นตรวจเชื้อแล้วยังไม่พบ และมีการกักบริเวณอยู่ที่บ้าน 14 วัน อย่างอื่นไม่ต้องห่วงการบริการประชาชนทุกอย่างยังบริการปกติ เพราะโรคตัวนี้มันเกิดขึ้นเฉพาะคนเราก็มีมาตรการเข้มข้นในการคัดกรองคนที่เข้าไปรับบริการอยู่แล้ว ก็ไม่อยากให้พี่น้องตื่นตระหนก เพราะตัวท่านผู้อำนวยการก็ไม่ได้ลงไปสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ท่านเป็นฝ่ายบริหาร เพราะฉะนั้นอยากให้พี่น้องประชาชนคลายกังวลตรงนี้ ส่วนสถานการณ์ในพื้นจังหวัดสมุทรปราการเริ่มดีขึ้น เพราะส่วนใหญ่การติดเชื้อที่ดูจากตัวเลขและได้พูดคุยกับท่านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด จะเป็นการติดเชื้อมาจากข้างนอกเสียส่วนใหญ่ และเข้ามาอยู่ในพื้นที่ ทั้งสถานบันเทิงในกรุงเทพ หรือสนามมวย และก็ตอนแรกก็ไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อไวรัสตัวนี้ก็อาจะมีการสัมผัสกับผู้ใกล้ชิดก็ทำให้ตัวเลขมันเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้หลังจากที่ทราบแล้วว่าผู้ป่วยเป็นใครก็มีการเฝ้าระวังทำการแยกตัวออกไป ก็คงจะมีตัวเลขที่ลดลงไปเลื่อย ๆ
