นครศรีธรรมราช:ไล่บี้นายอำเภอเมืองคอนสรุปผลตรวจสอบบัญชีเงินฝาก “กองทุนสัจจะออมทรัพย์”ของชาวบ้าน หลังถูก กก.ยักยอกหายกว่า 3 ล้าน พร้อมนัดรวมตัวทวงถามวันจันทร์หน้าครบ 2 เดือน ไม่มีวีแววความคืบหน้า แถมถูกเยาะเย้ยถากถางข่มขู่ “ไม่มีใครทำอะไรได้”
จากกรณีที่ชาวบ้าน กว่า 300คน ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มสัจจะออมทรัพย์เพื่อการผลิต ในพื้นที่ ม.3 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ทางคณะกรรมการกลุ่มออกมาแสดงความรับผิดชอบหลังพบว่าเงินที่ทุกคนนำไปฝากในแต่ละเดือนนั้นได้หายออกไปจากบัญชี กว่า 3 ล้านบาท เหตุเพราะทางคณะกรรมการไม่สามารถปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้านผู้ฝากซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มได้ เพราะไม่มีเงินอยู่ในบัญชี โดยชาวบ้านทุกคนได้รวมตัวกันเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบ พร้อมกับทำการลงบันทึกประจำวันแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับคณะกรรมการที่ทำการยักยอกเงินดังกล่าวไป ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา
ซึ่งภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ข้อขัดแย้งดังกล่าวระหว่างชาวบ้านกับคณะกรรมการกลุ่ม ทางอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยนายสมพงษ์ มากมณี นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้พัฒนาการอำเภอ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพร้อมกับจัดหาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีเงินฝาก ภายหลังจากที่ได้ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ากลุ่ม “สัจจะออมทรัพย์เพื่อการผลิต”ดังกล่าวไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบและดูแลของหน่วยงานรัฐ (อำเภอ) แต่อย่างใด จนถึงขณะนี้ระยะเวลาได้ล่วงเลยไปกว่า 1 เดือน ซึ่งในวันที่ 9 ก.ย.61 นี้จะครบ 2 เดือนเต็มที่ทางพัฒนาการอำเภอได้รับเรื่องและตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ แต่ยังไม่มีผลความคืบหน้าแต่อย่างใด
ข่าวน่าสนใจ:
- สุราษฎร์ ฯ อ่วม ฝนตกหนักตลอดทั้งคืน จนท.เร่งช่วยเหลือประกาศภัยพิบัติเพิ่มเป็น 8 อำเภอ เสียชีวิตแล้ว 2 ราย
- นายกฯ ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ พร้อมสั่งการหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร…
- ตรัง สถาบันพระบรมราชชนกเตรียมผลิต 9 หมอรุ่นใหม่ นวัตกรรมสุขภาพไทยสู่ระดับโลก
- องคมนตรีเชิญสิ่งของพระราชทานเนื่องในโอกาสปีใหม่ 2568 มอบให้ทหารกองกำลังป้องกันชายแดน จ.สระแก้ว
ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้านดังกล่าวจะทำการนัดรวมตัวกันอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 10 ก.ย.61 ที่บริเวณศาลาใต้อาคารเรียน โรงเรียนวัดหนองบัว ม.3 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อที่จะเดินทางเข้าทวงถามความคืบหน้ากับนายสมพงษ์ มากมณี นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช พร้อมกับจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือกับ ผบ.มทบ.41 เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับฟังคำเยาะเย้ยและท้าทายกับบุคคลซึ่งเป็นคณะกรรมการกลุ่มว่า “ไม่สามารถทำอะไรเขาได้อย่างแน่นอน”พร้อมกับมีการข่มขู่กับตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย และข่มขู่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีที่ทางอำเภอเมืองจัดหามาถึง 2 ทีมจนไม่สามารถทำการตรวจสอบบัญชีได้ เป็นผลให้ระยะเวลาการตรวจสอบต้องยืดระยะเวลาล่าช้าออกไป
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าสอบถามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวกับนายสมพงษ์ มากมณี นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ณ ที่ว่าการอำเภอเมือง โดยนายอำเภอพร้อมด้วย น.ส.มาลี แก้วประสิทธิ์ พัฒนาการอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ได้ชีแจงข้อเท็จจริงให้ทราบว่า ที่ผ่านมาทางอำเภอไม่ได้ประวิงเวลาในการตรวจสอบ และไม่ได้คิดหาวิธีช่วยเหลือคณะกรรมการตามที่ชาวบ้านเข้าใจแต่อย่างใด แต่ทางอำเภอต้องทำตามหน้าที่และต้องให้เป็นไปตามระบบ และการตรวจสอบนั้นจะต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ เพราะเอกสารที่ได้รับมาจากคณะกรรมการนั้นมีเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการตรวจสอบเอกสารค่อนข้างยาก เนื่องจากตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ทางกลุ่มได้จัดตั้งมานั้น ได้มีการเปลี่ยนคณะกรรมการไปหลายคน จึงต้องมีการตรวจสอบข้อมูลและบัญชีอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งชาวบ้าน และคณะกรรมการ
น.ส.มาลี แก้วประสิทธิ์ พัฒนาการอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช กล่าวว่า “ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดใจและเกิดความลำบากต่อการทำงานเป็นอย่างมาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชี 2 ชุดที่ได้จัดหามานั้นเป็นบุคคลภายนอกที่มาจากภาคเอกชนซึ่งทางอำเภอได้ร้องขอมาเพื่อให้ช่วยตรวจสอบ แต่ไม่สามารถทำการตรวจสอบได้ เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากทางคณะกรรมการกลุ่ม และทราบว่ามีการใช้วาจาในลักษณะข่มขู่กับผู้ตรวจสอบบัญชีจากบุคคลในครอบครัวของคณะกรรมการรายหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม) จึงจำเป็นต้องยกเลิกการตรวจสอบไป และล่าสุดทางอำเภอได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีจาก กองทุนหมู่บ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช (กทบ.) เพื่อตรวจสอบบัญชีดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงระหว่างการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามจะทำการสรุปผลและส่งเรื่องให้กับทางนายอำเภอเป็นผู้พิจารณา พร้อมกับส่งเรื่องความคืบหน้าให้กับผู้ร้องเรียน รวมไปถึงชาวบ้านให้ทราบในวันจันทร์ที่ 10 ก.ย.61 ที่จะถึงนี้”
นายชัชพิสิษฐ์ ไชยนุรัตน์ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านผู้เสียหายทุกคน “ต้องการให้การตรวจสอบบัญชียุติลง เนื่องจากเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า เงินจำนวนกว่า 3 ล้านบาทของชาวบ้านได้หายไปจากบัญชีฝาก และหลักฐานที่สำคัญที่สุดคือสมุดเงินฝากที่ชาวบ้านทุกคนถืออยู่ เนื่องจากทุกๆวันที่ 9 ของเดือน ชาวบ้านทุกคนจะนำเงินมาฝากกับทางคระกรรมการ พร้อมกับลงรายมือชื่อเซ็นรับจากคณะกรรมการ แต่วันนี้ชาวบ้านต้องการให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ โดยการเรียกตัวคณะกรรมการทุกคนมาสอบสวน พร้อมกับข้อมูลหลักฐานที่ชาวบ้านทุกคนมีและพร้อมจะมอบให้ ชาวบ้านทุกคนพร้อมที่จะร่วมกันลงขันว่าจ้างทนายฝีมือดีมาฟ้องร้องดำเนินคดีกับกลุ่มคนโกงเหล่านี้ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานที่ดีต่อสังคมต่อไป”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: