X

มึน..!! ปิดเมืองแล้วโผล่มาไง ไม่ต้องกลัวเหงา ถ้าอย่างนี้คงตามลำปางไป

จังหวัดน่าน หลายคนเริ่มสงสัยคำสั่งเข้มงวดบุคคลเข้าพื้นที่ แล้วโผล่มาได้อย่างไร แถมยอดคนเข้าที่กว่า 1500

ข่าววันนี้ น่าน เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา เวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ตามคำสั่งอำเภอเมืองน่านที่ 158/2563 เข้าตรวจสอบ พบชายมีไข้สูง 38.2 องศา บริเวณสถานีขนส่งจังหวัดน่าน โดยนายวิศิษฐ์ ทวีสิงห์ นายอำเภอเมืองน่าน

มอบหมายให้ นายกิตติวัชร์ มั่งมี ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดน่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองน่าน  เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองน่าน ร่วมกันตรวจสอบภายในสถานีขนส่งอำเภอเมืองน่าน

หลังได้รับแจ้งว่ารับแจ้งว่า พบชาย 1 ราย มีอุณหภูมิร่างกายสูง 38.2 องศา จากการซักถามได้ความว่า ชื่อนายสิทธิพล (ขอสงวนนามสกุล) ภูมิลำเนาอยู่ ตำบลคลองขวาง อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ทำงานอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก และเดินทางมาจากเพื่อมาเยี่ยมลูกสาว ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดน่าน

โดยไม่มีที่พักอาศัยในจังหวัดน่าน ทุกครั้งที่มาจะเข้าพักเกรสเฮ้าส์แห่งหนึ่งในจังหวัดน่านเป็นประจำ โดยมาถึงด่านห้วยน้ำอุ่นและขอโดยสารท้ายรถกระบะของชาวบ้าน มาลงที่สถานีขนส่งจังหวัดน่าน เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจวัดอุณหภูมิซ้ำอีกครั้งได้ค่าอุณภูมิ 38.2 องศา

จึงประสานไปยังโรงพยาบาลน่าน พร้อมนำตัวส่งโรงพยาบาลน่าน เนื่องจากสงสัยว่าอาจป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 เนื่องจากทำงานและอาศัยอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่แพร่ระบาดของโรคโควิด-19

จากการตรวจที่โรงพยาบาลน่าน แพทย์ผู้ตรวจรักษาได้สั่งให้เข้ากักโรคเนื่องจากมีอุณหภูมิร่างกายสูง 38.2 องศา ไม่มีทีท่าจะลด เบื้องต้นได้ส่งเข้าทำการเอกซเรย์ปอด ผลการเอกซเรย์ปอดไม่พบความผิดปกติ จึงทำการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งทางพันธุกรรม เพื่อส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยยังรอผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการว่าชายรายดังกล่าวได้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวหรือไม่

สำหรับการดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จังหวัดน่าน ได้เพิ่มมาตรการเข้มข้นคิดโดยจำกัดการเข้าพื้นที่ โดย นายวรกิตติ ศรีทิพากร ได้ลงนามคำสั่งจังหวัดน่าน ระงับการเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดน่าน โดยประชาชนที่พักอาศัยประจำอยู่ในจังหวัดน่านซึ่งได้เดินทางออกนอกเขตจังหวัดน่าน

และต่อมามีความจำเป็นต้องเดินทางกลับเข้ามาในจังหวัดน่าน ในห้วงวันที่ 5-30 เมษายน 2563 จะต้องผ่านการตรวจคัดกรอง ตามมาตรฐานการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด และกักตัวอยู่ภายในบ้าน หรือที่พักของตนเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรฐานการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด โดยต้องรายงานการกักตัวให้เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคทราบตลอดระยะเวลาที่กักตัว

ประชาชนชาวไทยที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอื่น หรือมีที่พักอาศัยประจำอยู่ในจังหวัดอื่นที่มีความประสงค์จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดน่านจะต้องปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

แสดงเหตุผลความจำเป็น ในการเดินทางเข้าในพื้นที่จังหวัดน่าน ต่อเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ  หากไม่มีเหตุผลความจำเป็นเพียงพอ ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคประจำด่านตรวจระงับการอนุญาตให้เข้าพื้นที่จังหวัดน่าน

ผู้เดินทางที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดน่าน ต้องผ่านการตรวจคัดกรองตามมาตรฐาน การป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด และลงทะเบียนผู้เดินทางเข้าตามแบบฟอร์มที่จังหวัดน่านกำหนด และต้องถูกกักตัวเอง อยู่ภายในที่พักซึ่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดน่านกำหนดเป็นเวลา 14 วัน นับแต่วันแรกที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดน่าน

ผู้ไม่มีสัญชาติไทย เฉพาะบุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาลที่มาปฏิบัติงานในประเทศไทย ตลอดจนบุคคลในครอบครัวของบุคคลดังกล่าว โดยต้องมีหนังสือรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ และต้องได้รับการตรวจคัดกรองตามมาตรฐานการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด

ทั้งนี้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้มีคำสั่งระงับการเดินทางเข้า-ออก ทุกช่องทางโดยเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 โดยจังหวัดน่านได้มีคำสั่งระงับการเดินทางเข้าพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2563 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เข็มข้นขึ้น

แต่การรายงานยอดบุคคลเข้ามาในพื้นที่กับไม่ได้ลดลง คือมียอดยานพาหนะเข้ามากว่า 600 คัน และยอดบุคคลเข้ามากว่า 1,500 คน จากการวิเคราะห์สถานการณ์จากหลายท่าน มีความเห็นตรงกันว่าควรทำใจ ว่าคงไม่นานเมืองน่านคงแตกตามลำปางไป เพราะจากการประเมินจำนวนคนที่เข้ามา และการกักตัวดูอาการของโรคที่ไม่ทำ

ทั้งไม่มีสำนึกร่วมรับผิดชอบกับสังคม กับบุคคลที่เดินทางเข้ามาใหม่หลายคน ยกตัวอย่าง กรณีช่วงเย็นวันที่ 5 เมษายน ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านอำเภอท่าวังผา ว่ามีบุคคลที่พึงกลับเข้ามาในพื้นที่

หลังจากทำงานอยู่จังหวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการแพร่ระบาดของโรค รวมตัวกันตั้งวงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ได้มีการกักโรคและยังนำพาเพื่อนที่ไม่ใช่คนในพื้นที่จังหวัดน่านติดตามมาด้วย และยังพากันดื่มสุราเฮฮา จึงแนะนำให้แจ้งไปยังหมายเลข 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และพบการแจ้งเข้ามาอีกหลายกรณี

จะเห็นได้ว่ากลุ่ม ที่พึ่งเข้ามาใหม่ในรอบนี้ ไม่มีวินัยร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งก็มีลูกหลานของคนเมืองน่านอีกหลายร้อย ที่ยอมเสียสละอยู่กับที่ในจังหวัดต่างๆ เพื่อไม่ต้องการเพิ่มความเสี่ยง แต่ทำไมยังปล่อยให้นำพาคนต่างพื้นที่เข้ามา ไม่ควรปล่อยให้ไปกักตัวเองที่บ้าน

เพราะด้วยระเบียบวินัย และสามัญสำนึกของคนเราไม่เท่ากัน เห็นควรนำไปกักไว้จุดเดียว ที่ทางราชการกำหนดให้ ควรคำนึงถึงคนอีกกลุ่มที่ทุ่มเททำงาน และลูกหลานคนเมืองน่านอีกหลายร้อยที่เสียสละไม่ยอมกลับบ้านด้วยเพื่อจะคงน่านให้เป็นพื้นที่ปลอดการแพร่ระบาย หรือว่าเริ่มเหงาเพราะเป็นพื้นที่สีขาวอยู่จังหวัดเดียวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน

77ข่าวเด็ด ประจำจังหวัดน่าน รายงาน

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ไชยรัตน์ รัตสิมวงศ์

ไชยรัตน์ รัตสิมวงศ์

ลูกเป็ด เฝ้าน่าน