เชียงราย-ความร่วมมือระหว่างไทยกับเมียนมาอย่างใกล้ชิดแน่นแฟ้น มีผลให้ส่งแรงงานชาวเมียนมากลับสู่บ้านเกิดได้อย่างปลอดภัยและปราศจากเชื้อโรคโควิด 19
เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563 ที่บริเวณวัดพระธาตุดอยเวา ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นายอุดม จันกิตติ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันและความมั่นคง ที่ทำการปกครองอำเภอแม่สาย เป็นผู้ประสานควบคุมดูแลรับผิดชอบในการส่งกลับชาวเมียนมาที่เดินทางตกค้างเพื่อเดินทางกลับเข้าเมียนมา ในระหว่างการเดินทางมาตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2563 หลังจากมีการปิดจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว ช่องทางตามธรรมชาติทุกช่องทางตามพรมแดนทุกจุดระหว่างไทยกับเมียนมา ซึ่งในช่วงแรกทางการของเมียนมาที่จังหวัดท่าขี้เหล็กยังไม่เปิดประตูพรมแดนรับชาวเมียนมากลับไป จึงขอให้ทางการไทยกักตัวสังเกตอาการของทุกคนเมื่อครบ 7 วันตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก แล้วจึงจะรับตัวกลับเข้าไป
โดยหน่วยประสานงานท้องถิ่น TBC ได้ประสานระหว่างทางการของสองประเทศ และได้ข้อตกลงร่วมกันจนเป็นที่เข้าใจแล้ว จึงเปิดช่องทางผ่านเข้าออกพรมแดนที่จุดสะพาน 2 เป็นการชั่วคราวเฉพาะกิจ ทั้งขอขยายเวลาส่งตัวชาวเมียนมาหลังกักตัวสังเกตอาการครบ 7 วันแล้ว โดยเป็นชาวเมียนมา จำนวน 199 คน เป็นชาวไทใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเขตรัฐฉาน และเดินทางเข้ามาเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและประมงในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร จังหวัดชลบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดต่าง ๆ ในเขตนิคมอุตสาหกรรม
สำหรับการส่งกลับแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา หลังปิดจุดผ่านแดนถาวรทุกแห่งแล้ว เป็นความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ตามนโยบายระดับสูงที่มีความเข้าใจในปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกกว่า 7 หมื่นคนแล้ว ซึ่งเมื่อแรงงานเหล่านี้เดินทางกลับบ้านได้ผ่านกระบวนการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และอยู่กักตัวสังเกตอาการมากว่า 7 วัน เมื่อเข้ามาแม้จะเป็นความกังวลใจของคนในพื้นที่ เกรงว่าจะเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 เมื่อไม่สามารถออกทางด่านพรมแดนแม่สายได้จึงพักรอที่หน้าด่าน เป็นที่พบเห็นแก่คนทั่วไป ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายจึงประสานไปยังคณะสงฆ์ผู้ปกครองวัดดอยเดา เพื่อขอความอนุเคราะห์จัดสถานที่พักที่สามารถปิดกั้นควบคุมการผ่านเจ้าออกได้ จึงตกลงใจใช้วัดดอยเวาเป็นสถานที่กักสังเกตอาการ
เมื่อครบกำหนดการกักตัว 7 วัน อำเภอแม่สายจึงบูรณาร่วมกับเทศบาลตำบลแม่สาย ด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย ด่านศุลกากรแม่สาย ด่านควบคุมโรคติดต่อแม่สาย ตำรวจภูธรแม่สาย และชมรมผู้ประกอบการรถโดยสารแม่สาย จัดรถสองแถว 23 คัน บรรทุกผู้โดยสารคันละ 8 คน นำแรงงานต่างด้าวจากสถานที่กักตัวไปยังด่านพรมแดนแม่สายสะพาน 2 เพื่อส่งต่อแรงงานชาวเมียนมา ให้กับทางการจังหวัดท่าขี้เหล็ก ตามลำดับต่อไป ซึ่งได้มีการหารือเตรียมแผนการดำเนิน และซักซ้อมการปฏิบัติจนเป็นผลสำเร็จ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
โดยพระครูประยุตเจตินุการ เจ้าอาวาสวัดดอยเวาแม่สาย กล่าวว่า ด้วยมนุษยธรรมและเมตตาธรรม ทางวัดเห็นความเดือดร้อนของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จึงเมตตาให้ความอนุเคราะห์ทั้งสถานที่พักพิงชั่วคราวและอาหารน้ำดื่ม ในระหว่างการกักตัว 7 วันมาตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อให้ชาวเมียนมาเหล่านี้ได้พักพิงก่อนได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาของแต่ละคน ซึ่งเป็นชาวไทใหญ่พร้อมครอบครัวและลูกหลาน โดยทางวัดมีมาตรการตรวจคัดกรองแรงงานทุกคนก่อนเข้ามาพักรอ และมีการรักษาความสะอาด ปลอดเชื้อโรค และมีสุขอนามัยที่ดีไม่แออัด ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพพลานามัยของคนในพื้นที่แต่อย่างใด และให้คนไทยในพื้นที่มีความเห็นอกเห็นใจเพื่อนบ้านจากมิตรประเทศที่ทีความสัมพันธ์อันดีมาเนิ่นนาน และขอให้คนไทยกับคนเมียนมารับรู้และเข้าใจในสถานการณ์ฉุกเฉินที่รัฐบาลมีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อจากไวรัสโควิด 19 เพื่อให้มีความเชื่อมั่นในมาตรการทางสาธารณสุข
ทั้งนี้ เมื่อแรงงานต่างด้าวเดินทางถึงด่านพรมแดนแม่สาย จุดสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ที่ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สายแล้ว ทางการเมียนมาจะตรวจเอกสารการเดินทาง การตรวจลงตราและหนังสืออนุญาตให้ทำงาน พร้อมคัดกรองสุขภาพของแรงงานพร้อมครอบครัวทุกคน ก่อนรับไปควบคุมกักสังเกตอาการตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกต่อไปอีก 14 วัน ที่บริเวณสถานที่กักตัวใกล้ชายแดน ก่อนจะปล่อยตัวหากไม่มีอาการผิดปกติหรือมีไข้สูง ให้เดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาของแต่ละคนต่อไปได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ ขณะเดียวกันเมื่อยานพาหนะที่ขนส่งแรงงานออกไปขากลับมาก็จะมีมาตรการปฏิบัติในการฉีดพ่นทำความสะอาดฆ่าเชื้อให้เกิดความเชื่อมั่น และมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามมาตรการขององค์การอนามัยโลก
ข่าวโดย : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: