นครพนม – คืบหน้า หลังจาก นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม มีคำสั่งจังหวัดนครพนม ที่ 759/2563 ลงวันที่ 5 เมษายน 2563 ห้ามบุคคลต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดนครพนมด้วยวิธีใดๆ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก ผวจ.นครพนม หรือผู้ที่ ผวจ.ฯ มอบหมาย และห้ามเจ้าของและหรือผู้ควบคุมยานพาหนะใดๆ พาคนต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่ฯ หรือเข้ามาเพื่อเป็นทางผ่าน ยกเว้นเพื่อการนำเข้า-ส่งออกสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยการศุลกากรและสินค้าผ่านแดน ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องรับโทษตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มาตรา 52 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 18
นอกจากนี้ ผวจ.นครพนม ได้ออกคำสั่งจังหวัดนครพนม ที่ 760/2563 เรื่องการกักตัวผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำม่วน) ซึ่งได้เพิ่มเติมมาตรการต่อจากคำสั่งจังหวัดนครพนม ที่ 625/2563 ลงวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า หากบุคคลดังกล่าว(คนขับรถ+เด็กรถ) ไปอยู่นอกราชอาณาจักรไทย เป็นระยะเวลาเกิน 5 ชั่วโมง เมื่อกลับเข้ามายังฝั่งไทย ต้องเข้าสู่กระบวนการกักกันไว้เพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน ในสถานที่ที่จังหวัดนครพนมจัดเตรียมไว้เป็นการเฉพาะ (Local Quarantine) คือกักกันในท้องถิ่น ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 52 แห่ง พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดยท้ายคำสั่ง ทั้ง 2 ฉบับ ประกาศใช้ทันที จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ล่าสุด วันที่ 7 เมษายน 2563 มีคนขับรถบรรทุกพร้อมเด็กท้ายรถ รวมคันละ 2 คน นำสินค้าข้ามแดนไปส่งยังประเทศเพื่อนบ้าน แล้วกลับเข้าฝั่งประเทศไทยไม่ทันตามที่กำหนดคือ 5 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 22 คน จึงต้องถูกนำตัวทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการกักกันเพื่อสังเกตอาการ โดยทางจังหวัดนครพนมได้จัดที่กักตัวไว้ในศูนย์เรียนรู้ยางพาราจังหวัดนครพนม การยางแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ฝั่งทิศใต้ของริมอ่างเก็บน้ำบ้านหนองญาติ ต.หนองญาติ โดยห้ามบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด
ขณะเดียวกันบรรยากาศโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสาร (บขส.) ถนนเฟื่องนคร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ทุกอย่างหยุดชะงักหมด รถโดยสารสายยาว อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย นครศรีธรรมราช ระยอง ขอนแก่น โดยเฉพาะรถโดยสารระหว่างประเทศ(นครพนม-ท่าแขก-คำม่วน) ต่างหยุดวิ่งไม่มีกำหนด หรือจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ เหลือเพียงบางสาย เช่น อุดรธานี มุกดาหาร และอุบลฯ เท่านั้น แม้แต่ห้องน้ำที่เคยมีคนพลุกพล่านเข้าออก เหลือเพียงเศษเงินวางไว้เพียงไม่กี่บาท
ส่วนแรงงานต่างด้าวที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดนครพนม หลังทราบว่ามีการปิดพรมแดนไทย-ลาว เป็นการชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ ประกอบกับมีคนต่างด้าว สัญชาติลาว เข้ามานครพนมในช่วงประกาศเคอร์ฟิว และเกินกำหนดเวลาที่อนุญาต จึงถูกควบคุมตัวส่งฟ้องศาลฯ พิจารณาให้กักขังแทนจำคุกเป็นเวลา 15 วัน ในเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม ทำให้คนต่างด้าวไม่กล้าฝ่าฝืนกฎเหล็กนี้
