นายแพทย์ นนท์ จินดาเวช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ออกมาชี้แจงถึงข้อสงสัยของแม่น้องน้ำเพชร พร้อมนำพวงหลีดและเงินช่วยงานศพน้องน้ำเพชร
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 11 กันยายน 2561 นายวีระ อุดมกัน อายุ 43 ปี บิดา ของ ด.ญ.น้ำเพชร วัย 6 ขวบได้เดินทางมาติดต่อขอรับศพลูกสาว ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ หลังจากที่มูลนิธิได้ทำการส่งศพน้องน้ำเพชร มาให้แพทย์นิติวิทยาศาสตร์ทำการชันสูตร เนื่องจากติดใจการเสียชีวิตของบุตรสาว ที่เสียชีวิตเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ ด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง หลังจากที่เมื่อช่วงเช้าของวานนี้น้องน้ำเพชร ได้เดินทางไปโรงเรียนตามปกติช่วงเที่ยงได้เกิดอาเจียนและเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงครูประจำชั้นได้พาไปส่งรักษาที่อนามัยตำบลบางโฉลง ซึ่งอยู่ใกล้โรงเรียน ตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่แม่มาทราบเรื่องตอนเย็นก่อนรีบเดินทางมาดูอาการลูกสาว เมื่อมาเห็นสภาพบุตรสาวที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ของอนามัยดังกล่าว ถึงกับเข่าทรุดพบว่าน้องน้ำเพชรอยู่ในสภาพอิฐโรย ตัวเหลืองปากเริ่มเขียวไร้เรี่ยวแรงหลังถูกปล่อยให้นอนอยู่ที่อนามัยเพื่อรอติดต่อญาตินานกว่า 4 ชั่วโมง ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะอุ้มลูกสาวที่ไร้เรี่ยวแรงนั่งรถแท็กซี่มารักษาต่อที่โรงพยาบาลบางพลี แต่น้องน้ำเพชร มาเสียชีวิตก่อนถึงห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลดังกล่าว จึงเกิดความสงสัยว่า ทำไมที่อนามัยจึงไม่ยอมส่งลูกสาวของตนไปรักษาต่อโรงพยาบาลทันทีทั้งที่ลูกสาวของตนมีอาการปวดท้องอย่างหนักและยังปล่อยให้ลูกสาวของตนนอนรออยู่ถึง 4 ชม. ทำไมต้องรอให้ผู้ปกครองมาเซ็นต์ จึงได้ส่งศพน้องน้ำเพชร มาให้แพทย์ทำการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ด้วยอาการเศร้าโศก
จนกระทั่งในเวลา 14.30 น.แพทย์ได้ทำการชันสูตรศพน้องน้ำเพชร เป็นที่เรียบร้อยและมอบให้ญาตินำกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 1 วัดบางโฉลงใน ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยเบื้องต้นแพทย์แจ้งผลการขันสูตรเบื้องต้นว่า ลูกสาวตนเสียชีวิตจากอาการ ขาดเกลือแร่ เพราะปากแห้งและมีอาการติดเชื้อในลำไส้ แต่สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ลูกสาวตนเสียชีวิตนั้นต้องรออีก 45 วัน ผลการพิสูจน์จะแล้วเสร็จ
ขณะเดียวกัน นายแพทย์ นนท์ จินดาเวช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยนายธงชัย วิเศษบุปผา สาธารณสุขอำเภอบางพลี และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลบางพลี ได้ร่วมกันนำพวงหรีดมาแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวของน้องน้ำเพชร ที่วัดบางโฉลงใน ซึ่งเป็นที่ตั้งศพของน้องน้ำเพชร และได้มีการพูดคุยกับ น.ส.นงเยาว์ แดนเมืองแทน มารดาของน้องน้ำเพชร ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า จากที่ได้รับรายงานเบื้องต้นตามบันทึกการรักษาของเจ้าหน้าที่อนามัยบางโฉลง นั้นทราบว่า เด็กหญิงคนดังกล่าวเข้ามารับการรักษาด้วยอาการปวดท้องและอาเจียนเมื่อเวลา 13.58 น.ทางพยาบาลผู้ดูแลก็ได้ให้การรักษาตามอาการ คือมีการให้เกลือแร่ และให้ยาแก้ปวดท้อง และให้ทางโรงเรียนติดต่อผู้ปกครอง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงติดต่อผ่านไปทางเพื่อนของมารดาแทน
กระทั่งเวลา ประมาณ 16.30 น. มารดาจึงเดินทางมาที่อนามัยทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำเอกสารส่งตัวให้ เนื่องจากประเมินเบื้องต้นพบว่าเด็กยังรู้สึกตัวและพูดคุยได้ ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ได้พูดคุยกับมารดาของเด็ก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ได้เรียกรถฉุกเฉินในระบบมารับตัว แต่ให้มารดาเป็นคนนำตัวเด็กส่งโรงพยาบาลเอง โดยมีเจ้าหน้าที่อนามัยขับรถไปส่งที่ปากทางถนนเทพารักษ์ เพื่อให้นั่งรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาลบางพลี และเมื่อไปถึงที่ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลบางพลี อาการเด็กเริ่มฉุกเฉิน ทางแพทย์และพยาบาลจึงนำเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อทำการรักษาโดยเร่งด่วน แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้
ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่าทางอนามัยสามารถส่งตัวน้องไปรักษาต่อได้เลยหรือไม่ โดยที่ไม่ต้องรอคุณแม่มาเซ็นต์ยินยอมนั้น เรื่องนี้หากอนามัยมองว่า น้องมีอาการไม่ดี หรือสัญญาณชีพที่ไม่ดี เช่นชีพจรอ่อน ความดันตก ก็สามารถส่งตัวไปโรงพยาบาลได้เลย เพราะถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉินวิกฤต อาจถึงแก่ชีวิตได้ ก็สามารถส่งตัวได้ทันที ซึ่งต้องดูสภาพน้องที่อยู่ที่อนามัยว่า เข้าข่ายของวิกฤติฉุกเฉินหรือไม่ หากอยู่นั้นขั้นวิกฤติฉุกเฉิน ทำให้เกิดการส่งต่อที่ล่าช้า ก็ต้องมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงกันต่อไป โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อหาข้อเท็จจริง และหลังจากนี้ทาง สาธารณสุข จะดำเนินการยื่นเรื่องขอการเยียวยาตามมารตรา 41 ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ใช้บัตรทอง ให้กับครอบครัวของ ด.ญ.น้ำเพชร ต่อไป
ด้านนางนงเยาว์ มาดาของแม่น้ำเพชร ที่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าร้องไห้ตลอดเวลาขณะที่นั่งกอดรูปของน้องน้ำเพชร บุตรสาวได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนเชื่อว่าที่ลูกสาวของตนเสียชีวิตในครั้งนี้ เกี่ยวกับการปล่อยปะละเลยหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไม่น่าที่จะปล่อยให้เด็กรอความตายต่อหน้า ซึ่งในเรื่องนี้ไม่อยากให้กับบุตรหลานของใครอีก ขอให้น้องน้ำเพชร เป็นคนสุดท้าย ซึ่งตอนที่ตนไปเห็นน้องน้ำเพชร น้องยังหลับอยู่ในสภาพตัวเย็นเฉียบขนาดนั้น ตนต้องไปเขย่าตัวเรียกลูกน้องก็เลยเหลือกตาลืมขึ้นมามอง คือตอนนี้หัวใจของตนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วที่เห็นลูกอยู่ในสภาพนั้น และคิดในใจว่าทำไม่ปล่อยให้ลูกเราอยู่ในสภาพนี้ เด็กตัวแค่นั้นเขาไม่มีแรงแล้วทำไมไม่ส่งเขาไปโรงพยาบาล ถ้าเป็นลูกคุณ คุณจะปล่อยไว้หรือเปล่าอยากรู้แค่นี้แหละ
รวมข่าวน้องน้ำเพชร ปวดท้องดับปริศนา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: