X

พ่อเหยื่อทหารซ้อมตายยอมเผาลูกชาย ผู้การภาค 4 สั่งเร่งรัดคดี

นครพนม – พ่อเหยื่อทหารซ้อมตายยอมเผาลูกชาย หลังทหารรับเงื่อนไขชดเชย ผู้การภาค 4 สั่งเร่งรัดคดี ผู้การ ตร.มั่นใจหลักฐานเอาผิด ส่งต่อ ปปช.

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับคดี มี พ่อ แม่ ผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี กับพนักงานสอบ สวน สภ.ธาตุพนม เพื่อเอาผิด กลุ่มทหารชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ศอ.ปส.ชอน. หรือ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายเเดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ​ (ตอนบน) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  ซึ่งมาตั้งฐานปฏิบัติการ ที่วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จนกระทั่งมีการก่อเหตุ อุ้มสองพี่น้อง ไปเค้นให้รับสารภาพว่าค้ายาเสพติด เนื่องจากทั้ง 2 พี่น้อง มีประวัติเสพ แต่ไม่ยอมรับ จึงบุกไปอุ้มตัว ขณะทั้งสองพี่น้อง พักอยู่ในกระท่อมนา ช่วงคืนวันที่ 17 เมษายน 2563  และนำไปกักตัวซ้อมในศูนย์ปฏิบัติการ ทำให้ พี่ชายเสียชีวิต คือ นายยุทธนา ซ้ายซา หรือด่อน อายุ 33 ปี ส่วนน้องชาย คือ นายณัฐพงษ์ ซ้ายซา หรือแดง อายุ 29 ปี  ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เนื่องจากถูกซ้อม จนกระดูกซี่โครงหัก 2 ซี่   และมีแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย  โดยทางตำรวจกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวข้อง  เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำผิด ทั้งหมด มาดำเนินคดี

ล่าสุดทางด้าน นายนิวัฒน์ ซ้ายซา อายุ 59 ปี พ่อผู้เสียชีวิต พร้อมญาติพี่น้องได้ยอมประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ลูกชายที่เสียชีวิต หลังก่อนนี้ออกมาประกาศเลื่อนการเผาศพไม่มีกำหนด เนื่องจากมีการเจรจาเงินชดเชยเยียวยาไม่ลงตัว  ภายหลัง พล.ต.สวราชย์ แสงผล ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 1 มอบหมายให้ พ.อ. บุญสิน พาดกลาง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พร้อมด้วย พล.ต.ประสิทธิ์ ทิศาวงศ์ ผบ.มทบ.29 ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าไปเจรจาตกลงกับทาง พ่อแม่ และญาติผู้เสียหาย จนเป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงมีการชดใช้เป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท ส่วนการดำเนินคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย  ทางญาติจึงยอมประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ในวันนี้ ซึ่งมี ดร.ไพจิต  ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เขต 2 เป็นประธาน  โดยมี พ.อ. บุญสิน พาดกลาง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พร้อมด้วยเป็นตัวแทนหน่วย ร่วมประกอบพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณี ณ ฌาปนกิจศพป่าช้า บ้านอุ่มเหม้า ต.อุ่มเหม้า จ.นครพนม โดยมี ญาติพี่ น้อง ประชาชน รวมถึง กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมแสดงการไว้อาลัย

ด้าน พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาที่ สภ.ธาตุพนม เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีทหารทำร้ายร่างกาย  โดยทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้เน้นย้ำสั่งการให้ดำเนินการตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย  ขอยืนยันให้ประชาชน ได้มั่นใจว่า ทางตำรวจไม่หนักใจไม่ว่าคู่กรณีของผู้เสียหายจะเป็นทหาร หรือเป็นบุคคลทั่วไป ทางตำรวจจะต้องดำนินคดีตามกฎหมาย และมั่นใจว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการเอาผิด เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ในคดีอาญาไว้ 2 ข้อหา สำหรับผู้กระทำผิด คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส  นอกจากนี้การสอบสวนยังพบอีกว่า เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวยังเป็นชุดจับกุมปราบปรามยาเสพติด ในส่วนนี้ถือว่า ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้ตามขั้นตอนการดำเนินคดีล่าสุด ทางพนักงานสอบสวนได้มีการดำเนินการสอบสวน พยานแวดล้อม ทั้งฝ่ายผู้เสียหาย มี พ่อ แม่  ลูกชายที่ได้รับบาดเจ็บ และญาติเกี่ยวข้อง ทั้งหมดแล้ว ส่วนทางฝ่ายทหารได้ สอบสวนทหารที่เกี่ยวข้องบางส่วน พร้อมได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของทหาร เพื่อส่งขอละเอียดชื่อ ตำแหน่ง ของกำลังพลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมประมาณ 7-10 นาย เพื่อนำมาประกอบพยานหลักฐาน เหลือเพียงเอกสารหลักฐานใบชันสูตรพลิกศพจากทางแพทย์ ที่จะต้องนำมารวบรวมสรุป   โดยคดีนี้ ตามขั้นตอนเป็นคดีเกี่ยวข้องกับ เจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่  ทางตำรวจมีระยะเวลาดำเนินการสอบสวนสรุปสำนวน เป็นเวลา  30 วัน  เพื่อสรุปสำนวนคดีอาญา ส่งต่อให้ ปปช. ดำเนินการพิจารณาไต่สวนตามขั้นตอนของกฎหมาย เสนออัยการพิจารณา นำสู่กระบวนการฟ้องต่อศาล เนื่องจาก ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย  จากนั้นถือว่าหมดอำนาจของพนักงานสอบสวน  ส่วนหนึ่งทางตำรวจได้ประสานทางหน่วยงานทหารเกี่ยวกับการดำเนินคดี เพื่อให้เกิดความรวดเร็วเป็นธรรมมากที่สุด ขอให้ประชาชน รวมถึงผู้เสียหาย มั่นใจตำรวจทำตามขั้นตอนตรงไปตรงมา ซึ่งในการเดินการขอให้เข้าใจมีขั้นตอนระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ยืนยันไม่ล่าช้า

ส่วน นายนิวัฒน์ ซ้ายซา อายุ 59 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันนี้มีตัวแทนหน่วยงานทหาร มาเจรจาพูดคุย ตนเห็นว่าเป็นที่เหมาะสม ได้หารือกับญาติพี่น้อง แล้วถือว่าพอใจทั้ง 2 ฝ่าย จึงได้ยิมยอมที่จะเผาศพลุกชายตามประเพณี มาถึงวันนี้ยอมรับ สำหรับเงินมากแค่ไหนก้ไม่คุ้มสำหรับการสูญเสีย แต่เมื่อเกิดแล้ว ตนยินดีจะให้อภัยขอเพียงหน่วยงานทหาร และผู้กระทำผิดออกมารับผิดชอบ เพราะผู้ทำผิดจะต้องไปชดใช้กรรมตามกฎหมาย เพราะการชดเชยเยียวยาเป็นสิ่งจะต้องช่วยเหลือครอบครัวตน จะให้ได้ดั่งใจทุกอย่างคงยาก แต่เมื่อเกิดแล้วตนต้องการให้จบด้วยดี  จึงยอมรับเงื่อนไขตามข้อตกลง ทั้งเงินเยียวยา รวมถึงค่าใช้จ่ายจัดงานศพ และค่ารักษาพยาบาลกับลูกชายที่บาดเจ็บ  ซึ่งตนพร้อมจะให้อภัย แต่ในส่วนของกฎหมายจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน