ราชบุรี เมื่อเวลา 20.10 น. วันที่ 25 เม.ย. 63 ร.ต.ท.หญิง ธนพร สีมะกล่ำ ร้อยเวร สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณปากซอยหรรษา ริมถนนสายเลียบชายคลองครัวต้นตาล หมู่ 9 ต.บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จึงรายงานให้ พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล ผบก.ภ.จว.ราชบุรี และ พ.ต.อ.สมมาตร จันทรัตน์ ผกก.สภ.โพธาราม ได้รับทราบก่อนนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ไปตรวจสอบ แพทย์เวรโรงพยาบาลโพธาราม และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างราชบุรี ที่เกิดเหตุพบศพนายมนต์สงบ นาเครือ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 9 ต.บ้านฆ้อง อ.โพธาราม นอนลักษณะตะแคง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีแดง กางเกงกีฬาขาสั้นสีดำ มีเลือดไหลนองพื้น ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. เข้าท้ายทอยทะลุลำคอ 1 นัด กระสุนเฉี่ยวหน้าอกเป็นแผล 1 นัด ต้นขาซ้ายด้านหลังทะลุ 2 นัด นอกจากนี้พบมีดพกขนาดยาว 30 เซนติเมตร ตกอยู่ข้างผู้ตาย ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.ตกเกลื่อนพื้น 5 ปลอก สร้อยข้อมือสแตนเลสตกอยู่ 1 เส้น และรองเท้าแตะแบบสวม 1 คู่ ห่างออกไปประมาณ 80 เมตร พบกองเลือดอีก 2 กอง ทราบว่าเป็นรอยเลือดของน.ส.นงลักษณ์ แก้วใส่เงิน อายุ 31 ปี ภรรยาของนายมนต์สงบ ผู้ตาย ถูกยิงได้รับบาดเจ็บแล้ววิ่งไปล้มฟุบ เพื่อนบ้านจึงได้รีบนำส่งโรงพยาบาลโพธาราม แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ชันสูตรมีรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. เข้าหน้าอกซ้าย 1 นัด ต้นแขนซ้าย 2 นัด ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อนายเชษฎ์ อายุ 49 ปี มีศักดิ์เป็นอาของน.ส.นงลักษณ์ และนายมนต์สงบ เป็นหลานเขย หลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสันหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสื่อสารสกัดจับ แต่ยังไม่พบตัว
จากการสอบสวนนางแก้วกัณญา กันโพนงาม อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 9 ต.บ้านฆ้อง ซึ่งเป็นมารดา น.ส.นงรักษ์ และแม่ยายของนายมนต์สงบผู้ตาย ให้การเบื้องต้นว่าลูกเขยกับลูกสาวมีอาชีพเปิดร้านขายของชำ อยู่ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 40 เมตร ก่อนเกิดเหตุในช่วงกลางวัน นายเชษฎ์มือปืนที่ก่อเหตุ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสามีของตน ปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่จะไปๆ มาๆ เพราะมีภรรยาอยู่ที่อื่น ได้กลับมาที่นี่และทะเลาะกับนายมนต์สงบลูกเขยเรื่องที่ลูกเขยติดหนี้เขาอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรรุนแรง กระทั่งหัวค่ำขณะตนทำกับข้าวในครัวก็ได้ยินเสียงทะเลาะของทั้งคู่อีก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้าย ครู่เดียวตนได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด เสียงปืนเงียบลงก็ได้ยินเสียงลูกสาวร้องเสียงดังว่าถูกยิงๆ ตนออกมาก็เห็นลูกสาววิ่งอุ้มหลานสาววัย 1 ขวบมาล้มลง มีเลือดท่วมจึงตะโกนเรียกญาติๆ ให้มาช่วยกันนำลูกสาวส่งโรงพยาบาล และอุ้มหลานสาวที่ร้องร่ำไห้ไม่หยุด โชคดีไม่ถูกลูกหลงไปด้วย ส่วนนายเชษฎ์ ได้ขึ้นรถยนต์เก๋งขับออกไป
อย่างไรก็ตามจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่านายมนต์สงบผู้ตาย เป็นหลานเขย นายเชษฎ์คนยิง ทั้งคู่รู้จักกันมานานเพราะอยู่บ้านไม่ไกลกัน แต่นายเชษฎ์ไปมีภรรยาอยู่ที่อื่น จึงไม่ค่อยกลับบ้านที่นี่บ่อย ปมเหตุเพราะนายมนต์สงบเคยยืมเงินนายเชษฎ์มานานแล้วแต่ยังไม่ยอมใช้คืน เคยทะเลาะกันหลายครั้ง นายเชษฎ์ไม่พอใจว่านายมนต์สงบมีเงินต่อเติมบ้านแต่ทำไมไม่มีเงินใช้คืน จึงบาดหมางกันมาเรื่อย กระทั่งวันเกิดเหตุนายเชษฎ์กลับมาแล้วทวงเงินนายมนต์สงบแต่ก็ไม่ได้ จนหัวค่ำมีการทวงถามกันอีกและอาจมีการท้าทายขึ้น นายมนต์สงบจึงเดินออกจากบ้านไปริมถนนที่นายเชษฎ์จอดรถ โดยถือมีดติดมือไปด้วย และขณะเกิดเหตุ น.ส.นงลักษณ์เมียนายมนต์สงบ อุ้มลูกสาวเดินตามไปด้วยเพื่อห้ามปราม และมีลูกชายวัย 11 ปี อีกคนเดินตามห่างๆ แต่ทั้งคู่เคลียร์กันไม่ได้ นายเชษฎ์จึงชักอาวุธปืนที่พกมากระหน่ำยิงนายมนต์สงบจนล้มลงขาดใจตาย ระหว่างนั้นน.ส.นงลักษณ์เข้าห้ามปรามจึงถูกจ่อยิงขณะที่ในมือยังอุ้มลูกสาววัยขวบเศษอยู่ด้วย น.ส.นงลักษณ์ด้วยความตกใจกลัวจึงอุ้มลูกวิ่งหนีไปล้มฟุบ และสิ้นใจตายตามสามีในเวลาต่อมาเป็นศพที่ 2 ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งไล่ล่า อาโหดรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: