เจ้าของโรงเรียนสอนเทควันโด หันไปหารายได้เสริมซื้อ-ขายทุเรียนหลังโรงเรียนปิดหนีโควิด-19 เจอมิจฉาชีพหลอกสูญเงิน 1.6 แสน หอบหลักฐานแจ้งความ พบประวัติอาชญากรรมในหลายพื้นที่
เวลา 8.30 น. วันที่ 29 เมษายน 2563 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองตราด นายเกียรติประวิน เจริญชัยธนาธิป อายุ 34 ปี พร้อมด้วยภรรยาได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดกับนายภาณุวัฒน์ กุลจันศรี ที่หลอกให้โอนเงินมัดจำค่าทุเรียนจำนวน 92,000 บาทแล้วหลบหนีไม่ติดต่อ แถมเงินที่โอนไปนั้นธนาคารบอกนายภาณุวัฒน์ถอนไปจนหมดแล้ว
นายเกียรติประวิน หรือโบ๊ท เล่าให้ฟังว่า ตนเองประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวเปิดโรงเรียนสอนเทควันโด ส่วนภรรยาเปิดร้านจัดงานแต่งงาน ช่วงที่เกิดสถานกาณณ์โรคโควิด-19 ระบาด และมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาทำให้หยุดกิจการ ในช่วงที่ว่างอยู่ได้คุยและปรึกษากันกับเพื่อนว่าหางานทำ จึงคิดค้าขายทุเรียนได้เริ่มทำมาตั้งแต่ที่มีคำสั่งให้ปิดสถานที่ออกกำลังกาย จนกระทั่งวันหนึ่งได้ทุเรียนมาแล้วไม่ตรงตามสเปค จึงต้องหาแหล่งซื้อทุเรียนใหม่ กระทั่งมาเจอนายภาณุวัฒน์ ติดต่อกันจนตกลงที่ ซื้อขายทุเรียนจำนวนไม่มากนัก ซึ่งได้ทุเรียนมาคุณภาพดีเมื่อส่งให้คู่ค้าแล้วเป็นที่น่าพอใจ ครั้งที่ 2 จึงสั่งทุเรียนจากนายภาณุวัฒน์ เพิ่มเป็น 3.5 ตัน
แต่ปรากฏว่าในจำนวน 3.5 ตัน พบทุเรียนเสียหายและไม่ได้คุณภาพจำนวน 750 กิโลกรัม จึงได้ติดต่อนายภาณุวัฒน์แจ้งให้ทราบว่ามีปัญหา ซึ่งนายภาณุวัฒน์ก็ยินดีที่จะรับผิดชอบทุเรียน จำนวน 750 โดยหาคืนให้ ด้วยความที่ไว้ใจ เห็นว่ามีความรับผิดชอบ จึงสั่งทุเรียนเพิ่มอีก 2.5 ตัน พร้อมโอนเงินมัดจำไป 92,000 บาท แต่พอโอเงินไป วันรุ่งขึ้นนายภาณุวัฒน์ ปิดรับการสื่อสารทุกช่องทาง เฟสก็ปิด โทรศัพท์ก็ไม่รับ ตนได้ไปตรวจสอบกับธนาคารแล้วพบว่า นายภาณุวัฒน์ ได้ทำการเบิกเงิน 92,000 บาท ออกจากบัญชีไปเรียบร้อยแล้ว จึงรู้ว่าถูกหลอกแน่นอน
นายเกีรติประวิน บอกอีกว่า สิ่งที่ทำให้ตนเองเชื่อถือนายภานุวัฒน์ เนื่องจากนายภาณุวัฒน์ บอกว่าแม่เปิดล้งรับซื้อทุเรียนอยู่ที่จันทบุรี และเคยพาไปหาแม่ด้วย กระทั่งเกิดเรื่อง ตนจึงโทรศัพท์ไปหาเจ้าของล้งที่จันทบุรี ปรากฎว่าว่าเจ้าของล้งบอกนายภาณุวัฒน์ไม่ได้เป็นลูกชาย แต่เป็นแค่ลูกน้อง และวันที่ตนเองไปที่ล้งกับนายภาณุวัฒน์นั้น เจ้าของล้งยังสงสัยว่าทำไมนายภาณุวัฒน์เรียกแม่ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาจะเรียกเจ๊ตลอด
หลังจากที่ตนเองได้สอบถามความเป็นมาของนายภาณุวัฒน์กับเจ้าของล้งแล้วทำให้รู้ว่าตนเองถูกหลอกแน่นอน จึงได้ปรึกษาเพื่อน ๆ ที่เป็นตำรวจ หรือนักกฎหมาย แล้วจึงทราบอีกว่านายภาณุวัฒน์มีประวัติอาชญากรรมคดีลักทรัพย์ และคดีอื่น ๆ อีกหลายคดี ตนจึงตัดสินใจที่เดินทาง มาแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวมาดำเนินคดี ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นคิดเป็นเงินประมาณ 160,000 บาท ซึ่งเป็นเงินค่ามัดจำและค่าทุเรียนที่เสียหายอีก 750 กิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตำรวจตรวจสอบประวัติอาชญากรรมนายภาณุวัฒน์ กุลจันศรี พบว่า ก่อเหตุลักทรัพย์ ในพื้นที่สภ.เกาะสมุย สน.โชคชัย และคดีฉ้อโกง ที่จังหวัดหนองคาย โดยมีหมายจับแล้ว 2 หมาย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: