กรุงเทพฯ – ศบค. เคาะผ่อนปรน 6 กิจการ/กิจกรรม ทั้งประเทศ เริ่ม 3 พ.ค.นี้ พร้อมมาตรการที่ยังบังคับใช้ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
วันที่ 30 เมษายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โดวิด-19 (ศบค.) แถลงมติ ศบค. ที่เห็นชอบมาตรการผ่อนปรนบางกิจการและกิจกรรม หลังมีมติขยายการประกาศบังคับใช้ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม 2563
โดย ศบค.จะกำหนดมาตรฐานกลาง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กำหนดรายละเอียดต่อไป โดยสามารถกำหนดความเข้มข้น มากกว่าระดับมาตรฐานกลางได้ แต่จะน้อยกว่ามาตรฐานกลางไม่ได้ และต้องมีแนวทางดำเนินการที่คำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และสังคม-เศรษฐกิจตามมา
สำหรับ 6 กลุ่มกิจการและกิจกรรม ที่จะได้รับการผ่อนปรน และเริ่มเปิดดำเนินการได้ ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. ประกอบด้วย
1.ตลาด ได้แก่ ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน ถนนคนเดิน แผงลอย
2.ร้านอาหาร ได้แก่ ร้านอาหารทั่วไป ร้านเครื่องดื่ม ขนนหวาน ไฮศรีม (นอกห้าง) ร้านอาหารริมทาง รถเข็นและหาบเร่
3.กิจการค้าปลีก-ส่ง ได้แก่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อบริเวณพื้นที่นั่ง-ยืนรับประทาน รถเร่ หรือ รถวิ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านค้าปลีกขนาดย่อม-ร้ายค้าปลีกชุมชน ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม
4.กีฬาสันทนาการ ได้แก่ กิจกรรมในสวนสาธารณะ ได้แก่ เดิน,รำไทเก็ก สนามกีฬากลางแจ้งที่เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ได้เล่นเป็นทีมและไม่มีการแข่งขัน ได้แก่ เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู จักรยาน กอฟล์และสนามซ้อม
5.ร้านตัดผม-เสริมสวย ได้แก่ ร้านตัดผมเฉพาะตัด สระ ไดร์ผม
6.อื่น ๆ เช่น ร้านตัดขน ร้านรับเลี้ยงรับฝากสัตว์
ด้านนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชน ระบุว่า มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 2 จะเป็นมาตรการที่เปิดให้ทำการในระบบปิด เช่น ห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะต้องมีการขอนุญาตท้องถิ่นว่า จะอนุมัติให้หรือไม่อย่างไร และจะมีคิวอาร์โค้ดที่แสดงว่าได้รับอนุมัติ ซึ่งถ้าระยะที่ 1 ออกมาดี ก็ขอให้ผู้ประกอบการเตรียมตัวสำหรับระยะที่ 2 และที่ 3 ต่อไป โดยดูระยะเวลา 14 วัน
ส่วนนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงการห้ามขายเหล้าในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า เหล้าเป็นปัจจัยนำไปสู่ความเสี่ยงในการชุมนุมคน ซึ่งประกาศเดิมงดขายถึงวันที่ 30 เม.ย.63 แต่เนื่องจาก ศบค. ออกข้อสั่งการให้มีผลต่อไป กระทรวงมหาดไทยจึงจะสั่งการให้สอดคล้องตามนั้น
โฆษก ศบค. กล่าวต่อว่า แนวทางการดำเนินการผ่อนปรน ต้องคำนึงถึงด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ด้านสังคม และเศรษฐกิจตามมา โดยจะมีการประเมินผลใน 14 วัน หากตัวเลขการติดเชื้อโควิด-19 คงที่ อาจจะเลื่อนลำดับในกิจกรรมที่ผ่อนคลายได้มากขึ้น แต่ถ้า 14 วันเพิ่มขึ้นอาจกลับมาตรึงในกิจกรรมและกิจการใหม่ทั้งหมด
ทั้งนี้ จะมีการยึดถือข้อกำหนดตามมาตรา 9 แห่ง (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ฉบับที่ 1 ข้อ 11 เช่น การทำความสะอาดพื้นผิวสถานที่ที่เกี่ยวข้อง การใส่หน้ากากผ้า-หน้ากาอนามัย การล้างมือ การรักษาระยะห่าง 1 เมตร มีแอปพลิเคชันติดตามตัว ส่วนการที่ประกาศระบุ ให้ยืดออกไป หมายถึง “เคยทำอย่างไร ให้ทำอย่างนั้นต่อไป ไม่ต้องมีการเว้นวรรค”
สำหรับมาตรการที่ยังบังคับใช้ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนี้
1.ห้ามเดินทางออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) 22.00-04.00 น.
2.ห้ามเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ
3.ยังคง State Guarantine (การกักตัวตามสถานที่ที่รัฐกำหนด) รองรับคนที่เดินทางเข้ามา เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ
4.จำกัดการบินเข้า-ออกของสายการบินเข้าประเทศ 1 เดือน
5.ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด
6.ทำงานที่บ้านให้ได้ร้อยละ 50
7.หลีกเลี่ยงการเข้าชุมชน แออัด
