รปภ.สุวรรณภูมิ กว่า 2 พันชีวิต ระส่ำ บริษัทเก่าหมดสัญญาจ้าง กับทางท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ถูกปรับเข้าบริษัทใหม่รายได้หายเท่าตัวแถมไร้สวัสดิการ ออกมาจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ และอยากวอน ทอท.ทบทวนและหาแนวทางช่วยเหลือพนักงาน
เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 30 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่ามีพนักงานรักษาความปลอดภัยภายในสนามบินสุวรรณภูมิ กำลังได้รับความเดือดร้อนจากการถูกปรับโอนย้ายจากบริษัทเดิม คือ ASM เข้าไปเป็นลูกจ้างของบริษัท รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน หรือ บรท. ซึ่งเป็นบริษัทสัญญาจ้างรายใหม่ ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ทำให้พนักงานกว่า 2 พันชีวิต ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของสวัสดิการ รายได้ลดหายไปเกือบเท่าตัว โดยที่ทางบริษัทเดิมจะหมดสัญญาเที่ยงคืนของวันนี้ และไม่มีการเยียวยาพนักงานใด ๆ อีกทั้งหากพนักงานรายใดที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นได้หากจะทำงานต่อเท่ากับต้องเริ่มต้นใหม่ ทำให้หลายชีวิตถึงกับเครียดกับปัญหานี้ ออกมาจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ในกรณีดังกล่าว และอยากวอน ทอท.ทบทวนและหาแนวทางช่วยเหลือพนักงาน
ข่าวน่าสนใจ:
- ‼️เลือดหนึ่งหยด..มีค่า-ต่อลมหายใจให้ผู้ป่วย,บาดเจ็บ‼️
- สองแม่ลูกปีนหน้าต่างชั้น 2 หนีตายไฟไหม้บ้านกลางดึก คาดไฟฟ้าลัดวงจร
- พร้อมรับสมัครเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบจ.พังงา เชิญชวนคนดีมีความสามารถมาสมัคร 23-27 ธันวาคมนี้
- "เลยดั้น" แค่มุมภาพเดียว กลายเป็นไวรัล ดึงดูด นทท.แห่เช็คอินถ่ายภาพ อ.น้ำหนาวเตรียมดันเป็นซอฟพาวเวอร์
นายสมพงษ์ มั่นคง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อีกหนึ่งผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ได้กล่าวว่า ทางบริษัทใหม่ให้เราเซ็นต์ใบลาออกจากบริษัทเก่าก่อน และให้มาเขียนสมัครใหม่ แต่ตอนนี้ตนอายุก็ 50 ปีแล้วและมีความรู้แค่ ป.6 จริง ๆ แล้วทางบริษัทมีอะไรต้องคุยกับพนักงานก่อน และไม่มีแจ้งล่วงหน้า ไม่มีหนังสือมาแจ้งอะไรสักอย่างเลย พึ่งมาทราบข่าววันนี้ ซึ่งก็เป็นนาทีสุดท้าย เพราะสัญญาจะหมดในเที่ยงคืนของวันนี้ ทำให้พวกตนเดือดร้อน ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ให้ลงงานก็จบ พอสอบถามไปเขาก็บอกเพียงว่าในวันนี้ให้มาฟังการชี้แจ้ง ซึ่งก็ยังหาคำตอบให้พวกตนไม่ได้สักอย่าง เดิมที่ตนเคยได้เงินเดือนประมาณ 2 หมื่นกว่า แต่พอเราไปอยู่บริษัทลูกไม่รู้ว่าทางบริษัท บรท.เขาจะจ้างเราต่อหรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะเขาให้คำตอบเราไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่ารับคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ต้องให้เขียนใบลาออกก่อน และไปสมัครใหม่ก็เท่ากับเป็นการเริ่มต้นใหม่ในเกณฑ์ 50 ปีขึ้นไป และถ้าเขาไม่รับพวกตนก็จบเลย เพราะตนอายุ 53 ปี แล้ว และก็เอาวุฒิการศึกษาอีกด้วย ตนจะไปเอาที่ไหนเพราะตนจบแค่ ป.6
นางสาวบังอร หนึ่งในพนักงานรักษาความปลอดภัยในสนามบิน ได้เปิดใจว่า ปัจจุบันตน อายุ 55 ปี และทำงานกับบริษัท เดิมมากว่า 10 ปี เดิมทีตนจะได้รับเงินเดือนทั้งเบี้ยขยัน โอที และอื่น ๆ เฉลี่ยแล้วประมาณ 3 หมื่นบาท และหากทำงานจนครบเกษียณอายุ ก็จะได้รับเงินก้อนอีก 300 วัน เฉลี่ยแล้วประมาณ 1 แสนบาท แต่พอปรับเปลี่ยนจากบริษัทเดิมมาเป็นบริษัทใหม่นั้น ทำให้สวัสดิการเหล่านี้หายไปและรายได้ลดหายไปต่อเดือนเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท ซึ่งถือว่าเยอะมาก โดยเฉพาะในวิกฤติการณ์โควิด 19 ซึ่งภายในสนามบินได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะพนักงานเก่าอายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป และทำงานกับทางบริษัทมาหลายปี ซึ่งถือว่ามีประสบการณ์และความสามารถในการทำงานภายในสนามบิน จะต้องถูกบังคับให้เซ็นต์ใบลาออกจากบริษัทเดิมและมากรอกใบสมัครกับบริษัท บรท. และเริ่มสตาร์ทใหม่ทั้งระบบโดยไม่มีสวัสดิการใด ๆ เบี้ยขยันก็ไม่มี อยู่กับบริษัทเดิมเคยได้เดือนละ 2,600 บาท และค่าเดินทางเคยได้ ก็ถูกตัดหมดพูดกันง่าย ๆ รวม ๆ แล้วเงินสวัสดิการที่พวกตนเคยได้รับ ก็จะหายไปประมาณเดือนละเกือบ 5 พันบาท และเกษียณอายุ 60 ก็ไม่มี อายุงานก็ไม่นับต่อให้ เราก็ไม่ได้ว่าเขาเพราะเป็นบริษัทใหม่ แต่ก็ควรที่จะเห็นกับสวัสดิการตรงนั้นบ้าง ก็อยากให้ทางบริษัทได้คิดถึงตรงนี้บ้าง พวกเราทำงานกับบริษัทมานานให้สัก 40 เปอร์เซ็นก็ยังดี ชดเชยให้บ้าง เพราะทุกคนได้รับผลกระทบหมด รายได้ลดลง ค่าแรงก็ลดลงจากเดิมที่เคยได้รับวันละ 500 บาทก็ลดลงเหลือวันละ 427 บาทแถมสวัสดิการทุกอย่างก็หายหมด อยากให้ทางผู้บริหารเห็นใจพวกเราบ้าง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: