นครศรีธรรมราช:การไกล่เกลี่ยล้มเหลว นายทุนโหดเรียกเก็บดอกเบี้ยแพงสุดขีด ผู้เสียหายนับร้อยไม่พอใจการทำหน้าที่ของ จนท.รัฐ ยันเดินหน้าขอความเป็นธรรมต่อสำนักนายกฯ หวังเพียงได้ที่ดินมรดกคืน ไม่คิดบิดพลิ้ว
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง นครศรีธรรมราช ได้ออกระดมกวาดล้างจับกุมนายทุนเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ตามนโยบายของรัฐบาลเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ในครั้งนั้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย พร้อมของกลางหลายรายการ อาทิ รถจักรยานยนต์กว่าร้อยคัน รถยนต์นับสิบคัน โฉนดที่ดินกว่า 2 ร้อยฉบับ รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆอีกหลายรายการ ซึ่งทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของนายทุนเงินกู้ที่รับมาจากลูกหนี้
ล่าสุด วันที่ 18 กันยายน 2561 กลุ่มประชาชนผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากนายทุนเงินกู้นอกระบบกว่า 200 คน ได้รวมตัวเดินทางไปยัง ห้องประชุม ศปก.ชั้น 4 สภ.เมือง นครศรีธรรมราช เพื่อนำหลักฐานการกู้เงิน และหลักฐานต่างๆมายืนยัน เพื่อติดต่อรับทรัพย์สินคืน ไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งขั้นตอนในครั้งนี้เป็นขั้นตอนของการไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าหนี้ และลูกหนี้ โดยมีนายนฤชา วชิระพงษ์ อัยการจังหวัด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รับผิดชอบงานคุ้มครองสิทธิ นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวน ร่วมเป็นคนกลางในการเข้าไลก่เกลี่ย
นายภุชงค์ ขนานสุข หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนได้ทำการกู้เงินมาจากนายมนิช มหาพานิช (หรือโกยาว พะเนียด) มาเป็นเงินจำนวน 1ล้าน 8แสนบาท ในรูปแบบของการจดจำนองขายฝาก โดยวางโฉนดที่ดินไว้เป็นการค้ำประกัน 1 แปลง จำนวน 12 ไร่ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2556 ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำการจ่ายดอกเบี้ยไปเป็นรายเดือน เดือนละ 5หมื่น 4 พันบาท เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี เป็นเงิน 1ล้าน 2แสน 6หมื่นบาท เมื่อใกล้ครบระยะเวลาที่จะทำการไถ่ถอนคืน ปรากฎว่าไม่สามารถทำการไถ่ถอนที่ดินคืนได้ เนื่องจากยอดเงินที่จะต้องชำระคืนพุ่งสูงถึง 5ล้าน 4แสนบาท ทำให้ตนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก จึงเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ภายหลังกระบวนไกล่เกลี่ยตลอด 2 วันที่ผ่านมา กลับไม่เป็นผล ซึ่งผู้เสียหายทั้งหมดต่างตกอยู่ในวงจรเดียวกัน คือการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายที่กำหนดไว้ ยอดเงินที่จะต้องนำมาไถ่ถอนเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ซึ่งจากการรวบรวมลูกหนี้ทั้งหมด ตามรายชื่อที่ปรากฏในหลักฐานของ จนท.ตร. เป็นโฉนดทั้งสิ้น 251 ราย รถจักรยานยนต์จำนวน 118 คัน และรถยนต์จำนวน 10 คัน เบื้องต้นประเมินค่าความเสียหายทั้งหมดคิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 1พันล้านบาท
“วันนี้ผมพาผู้เสียหายมาแจ้งความ ทาง จนท.ตร.ไม่รับแจ้งความ ผมไม่เข้าใจหลักฐานเห็นกันชัดๆอยู่แล้ว ผมมายืนยันพร้อมหลักฐาน แต่ยังไม่สามารถรับคืนโฉนดที่ดินได้ ผมจำเป็นต้องแจ้งความ ตร.ไม่รับแจ้งความ พวกเราทั้งหมด 200 คน จะเดินทางเข้า กองทัพภาคที่ 4 เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช.ผ่าน กองทัพภาคที่ 4 เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป”
นางอารีย์ ติธิทไชย อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75 ม.7 ต.ท่างิ้ว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตนได้นำโฉนดเลขที่ 102112 ที่ดินกว่า 3 ไร่ ไปจำนองขายฝาก กับ นายทุนคนดังกล่าว โดยสัญญาจำนอง 2.8 แสนบาท วันที่ทำสัญญารับเงินมา 2.6 แสน ซึ่งหลังจากที่มีการไกล่เกลี่ยกันแล้ว ตนจะต้องจ่ายเงินให้นายทุน 322,000 บาท แต่ละเดือนตนก็จ่ายค่าดอกไปแล้ว มันเกินมากกว่า 5 หมื่นบาท เป็นค่าอะไร พวกตนสับสน ตำรวจเหมือนจะช่วย แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร หากคืนเท่ากับต้นทุกอย่างก็จบ ซึ่งเจตนาที่ทุกคนมาในวันนี้ ต้องการมาชดใช้หนี้ ไม่ใช่จะบิดพลิ้วแต่อย่างใด แต่เงินที่ทางนายทุนเรียกเก็บจากเรานั้นถือว่าโหดเหี้ยมเกินไปมาก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: