สกู๊ปข่าว-นราธิวาส” พ่อเมือง’ จัดระบบสู้ ‘COVID-19’
แน่นอนเหลือเกินว่า ณ ขณะนี้ ไม่มีใครในโลกใบนี้ ที่ไม่รู้จักมหันตภัยร้าย ซึ่งถือเป็นโรคอุบัติใหม่ที่สร้างความสะพรึงกลัวให้คนทุกชาติไม่เว้นว่าจะเป็นใคร มียศถาบรรดาศักดิ์ ร่ำรวยหรือยากจนแค่ไหน ตกเป็นเหยื่อได้หมด
โรคเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 (Corona Virus Disease 2019) ซึ่งว่ากันว่าเริ่มต้นระบาดที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่จะจริงเท็จหรือมีต้นกำเนิดจากที่ไหน ตอนนี้ไม่ใช่ประเด็น!
สิ่งที่น่าสนใจและทุกคนเครียดเหมือนกันหมดคือ จะรับมือกับวิกฤติโควิด-19 ที่ระบาดอย่างต่อเนื่องกันอย่างไร? และเมื่อไหร่สงครามระหว่าง “ไวรัสโควิด” กับ “มนุษย์” จะสิ้นสุดลงซะที!!!…………………’จ.นราธิวาส’ คือจังหวัดเล็กๆ ตั้งอยู่ปลายด้ามขวานไทย ทั้งๆที่มีพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซีย แต่จนถึงขณะนี้ (ข้อมูล 2 พ.ค.63 เวลา 10.00 น.) ยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพียงแค่ 33 ราย เสียชีวิต 1 ราย และรักษาหายกลับบ้านแล้ว 23 ราย โดยตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.-2 พ.ค.63 ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ในขณะที่ 2 จังหวัดใกล้เคียงยอดผู้ติดเชื้อตัวเลขพุ่งห่างพอสมควร
นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส คือหัวเรือใหญ่ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จ.นราธิวาส (ศบค.-19 จ.นราธิวาส)ที่ทีม ’77 ข่าวเด็ด’ สืบรู้มาจากคนใกล้ตัวพ่อเมืองว่า ท่านเก็บตกทุกรายละเอียดทุกประเด็น นับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ 2 เดือนเต็มที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สาธารณสุข จ.นราธิวาส ทหารตำรวจฝ่ายปกครอง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ประจำด่านพรมแดนทั้งด่านหลักและช่องทางธรรมชาติ ที่ต้องระดมทีมเสริมทัพอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ถือเป็นฟันเฟืองที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการบริหารจัดการในการรับมือกับเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ
“กล้าพูดได้เลยว่า ท่านผู้ว่าฯ และทุกคนที่เกี่ยวข้องมีการประชุมสถานการณ์ตั้งแต่ 8 โมงเช้าของทุกเช้า แม้กระทั่งวันหยุด เพื่อเกาะติดทุกพื้นที่ทุกชุมชนทั้ง 13 อำเภอโดยเฉพาะ อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบและ อ.แว้งที่มีพรมแดนติดกับมาเลเซีย เราต้องคัดกรองคนไทยทุกคนที่ข้ามมาจากที่นั่น และทำแบบเข้มข้นด้วย จะหละหลวมไม่ได้เพราะนี่คือความเสี่ยงจากประเทศมาเลเซียที่รัฐบาลเค้าประกาศให้ทุกรัฐทุกเมืองเป็นพื้นที่สีแดงหมดแล้ว ฉะนั้นคนไทยที่จะกลับเข้ามาถือว่าเสี่ยงกับการนำเชื้อกลับมาสูงมาก อย่างไรก็ตามกลุ่มคนไทยกลุ่มแรกที่กลับมาจากมาเลย์เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ครบกำหนดกักตัวในวันนี้ โชคดีเพราะทั้งหมดไม่พบเชื้อโควิดเลย ซึ่งทางจังหวัดจะเว้นช่วงสองวันเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในสถานที่กักกันจุดนั้น” แหล่งข่าววงใน ศบค.นราฯเผย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ สถานที่กักกันในแต่ละอำเภอ Local Quarantine ที่มีอยู่จำนวน 99 แห่งใน 13 อำเภอ สามารถรองรับกลุ่มที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงได้จำนวน 1,700 คน ขณะนี้เกือบเต็มแล้ว แต่จังหวะพอดีกันกับที่กลุ่มแรกได้กลับภูมิลำเนาของแต่ละคนในวันนี้ ทำให้ปัญหาเรื่องสถานที่ไม่เกิดแรงกดดันมากนัก
นอกจากนี้แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า ท่านผู้ว่าฯเอกรัฐเป็นคนที่เด็ดขาดแต่ละมุนละม่อม ย้ำอยู่เสมอทุกครั้งว่า จะทำอะไรต้องระมัดระวัง อย่าให้กระทบกับความเป็นอยู่และความรู้สึกของประชาชน ที่ผ่านมาอะไรที่ผ่อนได้แต่ไม่เกิดผลกระทบก็ให้รายงานถึงท่าน ทุกเรื่องต้องจัดการเป็นระบบที่ชัดเจน รวมทั้งข้าราชการต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ห้ามออกนอกจังหวัดโดยเด็ดขาด อีกทั้งช่วงนี้เข้าสู่เดือนรอมฎอนหรือถือศีลอดของมุสลิม ด้วยความที่ท่านผู้ว่าฯเป็นมุสลิมด้วย ทำให้การสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนตลอดจนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดจึงเป็นไปโดยง่ายและได้รับความร่วมมือที่ดีจากคนในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบตลาด การละหมาด ซึ่งต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน และเป็นไปตามประกาศของจุฬาราชมนตรีเป็นสำคัญ
“เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยก็มาสู้กันใหม่ ยืนกันยาวๆ” นี่คือคำพุดสั้นๆ ที่แหล่งข่าวคนนี้ย้ำว่า พ่อเมืองพูดอยู่บ่อยๆ และเราทีมข่าว “77 ข่าวเด็ด” เคยได้ยินเสมอเช่นกัน
ขณะที่ทางด้านนายแพทย์อดุลย์ เร็งมา ผอ.รพ.ยี่งอเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ที่เพิ่งได้รับคัดเลือกเป็นข้าราชการดีเด่นด้านสาธารณสุขของ จ.นราธิวาส ที่มีผลงานดีเด่นในรอบปี 2562 เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน 1 เม.ย.2563 จากจำนวน 621 ท่าน กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้บุคลากรทางการแพทย์จัดว่าเป็นทัพหน้าที่เสี่ยงต่อการรับเชื้อไวรัสโควิด-19 จากผู้ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่ด้วยตนเองถือคติที่ว่า รักษาคนไข้ด้วยหัวใจ จึงได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ทุกคนของ รพ.ยี่งอฯว่า พวกเราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดมากเป็นเท่าตัว และใช้หัวใจสู้กับไวรัสร้ายนี้
“เมื่อตอนเด็กอยากเป็นหมอ เพราะคิดว่าหมอคือฮีโร่ มาถึงตอนนี้ใช่เลย ทุกคนที่มาโรงพยาบาล เราต้องดูแลให้ดีที่สุดบนพื้นฐานของมาตรการป้องกันและลดการแพร่เชื้อ ขออย่างเดียวคือทุกคนอย่างปกปิดข้อมูล เพราะมีบทเรียนมาแล้วจาก รพ.รือเสาะ ทำให้ถึงขั้นต้องปิดให้บริการผู้ป่วยนอกไป ผมเชื่อว่าหมอพยาบาลเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกโรงพยาบาลยินดีรักษาทุกคนด้วยหัวใจ ไม่ใช่หน้าที่อย่างเดียวแต่ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันให้ความร่วมมือและรักษาบุคลากรทางการแพทย์ด้วยเช่นกัน” ผอ.อดุลย์กล่าว
นอกจากนี้ นพ.อดุลย์ยังเผยอีกว่า ขณะนี้ตนเองได้ติดตั้งแอปของโรงพยาบาลยี่งอฯ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ที่ถูกกักตัวแต่ละราย ทั้ง Home และ Local Quarantine ว่าอาการเป็นอย่างไรบ้างในแต่ละวัน ก็คือจะเหมือนระบบจีพีเอส ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขกำลังอยู่ระหว่างนำไปปรับเพื่อพิจารณาจะเผยแพร่ให้ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศใช้เหมือนกันหมด มันสะดวกและปลอดภัยกว่าการใช้คนไปติดตามมาก
สำหรับการบริการที่ รพ.ยี่งอเฉลิมพระเกียรติ ผอ.อดุลย์ย้ำว่า การบริการทุกอย่างต้องให้สมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 ไม่ว่าจะเป็นตึกผู้ป่วยนอก (OPD) ตลอดจนสถานที่รายรอบภายใน ที่สำคัญการบริการที่เน้นเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา โดยกว่า 1 ปีที่ผ่านมา รพ.ยี่งอฯ ไม่ใช้ระบบกระดาษเลย เราใช้ระบบดิจิตอลทั้งหมด ทำให้ขณะนี้ส่งผลดีต่อความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์สูงสุด ผู้มาใช้บริการเพียงแค่ยื่นบัตรประชาชนหรือกดหมายเลข 13 หลัก หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระบบการตรวจแบบวีดีโอคอล ซึ่งถือว่าเราทำงานภายใต้มาตรการรักษาระยะห่าง Social Distancing มาล่วงหน้าก่อนแล้ว รวมทั้งอุปกรณ์ในการป้องกัน ทั้งหน้ากากอนามัย ,face shield และชุดหมีป้องกันเชื้อไวรัส (PPE) จัดว่าเราเซฟเข้าขั้นสูงสุดไม่ต่างจาก รพ.อื่นๆเช่นกัน
สุดท้ายทีมข่าว “77 ข่าวเด็ด” ขอเป็นแรงใจกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ต้องเหน็ดเหนื่อยบนความเสี่ยงกับเจ้าไวรัสโควิด-19 นี้ ร่วมกันฝ่าวิกฤตไปด้วยความปลอดภัยทุกท่าน คงไม่นานเกินรอนะคะ……Bye “COVID-19”
ข่าวน่าสนใจ:
- จ่อรอบสอง 5-11 ธ.ค.ยังไหวมั้ย? ทหารพราน 45 ล้างห้องเรียนในโรงเรียน
- ผู้การค่ายจุฬาภรณ์ ย้ำพร้อมสนับสนุนการกิจภัยทางธรรมชาติ
- นายกฯ เผย ครม.เคาะเยียวยาพื้นที่น้ำท่วมใต้ ครัวเรือนละ 9,000บาท เพิ่มอีก 16 จังหวัดวงเงิน 5 พันล้านบาท ขยายกรอบงบภัยพิบัติจาก 20 ล้านเพิ่มเป็น…
- ทหารของพระราชา"ความเดือดร้อนของ ปชช.คือภารกิจที่ยิ่งใหญ่"
สัญฐิติ ขอจิตต์เมตต์ รายงาน..
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: