X
พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว

“บิ๊กอู๋”ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินคนพิการ ม.33 และ 35

กระทรวงแรงงานยังไม่ได้รับการร้องเรียนเรื่องการทุจริตเงินคนพิการแต่อย่างใด พร้อมย้ำขณะนี้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยตั้งแต่ปี 2552 ที่ส่งเสริมการมีงานทำให้กับคนพิการ กระทรวงแรงงานยังไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องการทุจริตเงินคนพิการแต่อย่างใด พร้อมย้ำขณะนี้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้อกล่าวหาการทุจริตเงินคนพิการตามมาตรา 33 และ 35 แล้ว โดยให้เห็นผลภายใน 15 วัน

พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่าจากกรณีที่นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับคนพิการตามมาตรา 33 ที่กำหนดให้มีการจ้างงานคนพิการ แต่ปรากฏว่าตัวเลขการจ้างงานไม่ตรงกับสิทธิของคนพิการจริง และมาตรา 35 ที่เกิดการทุจริตในส่วนของการฝึกอบรมให้กับคนพิการ ซึ่งสร้างความเสียหายถึง 1,500 ล้านบาทต่อปีนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ กระทรวงแรงงานมีภารกิจที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการมีงานทำให้คนพิการ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2556 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คือ

1. จัดหางานให้คนพิการมีงานทำตามมาตรา 33 คือ สถานประกอบการต้องรับคนพิการเข้าทำงานสัดส่วน 1: 100 คน หากเกิน 50 คน ต้องรับเพิ่มอีก 1 คน ซึ่งคนพิการจะต้องได้รับโอกาสในการเข้าถึงสิทธิการทำงานตามมาตรา 33

รูปแบบการให้บริการคือ ขึ้นทะเบียนคนพิการที่ประสงค์จะทำงานกับนายจ้าง ณ สำนักงานจัดหางานหรือทางเว็บไซต์ www.doe.go.th/smartjob ประสานนายจ้าง/สถานประกอบการเพื่อรับแจ้งตำแหน่งงานว่างและแจ้งขอใช้สิทธิตามมาตรา 33 จับคู่ (Matching) ตำแหน่งงานว่างกับคนพิการให้มีความเหมาะสมกับทั้งสองฝ่ายส่งตัวคนพิการไปพบนายจ้าง/สถานประกอบการเพื่อสัมภาษณ์งาน และติดตามและประเมินผลการบรรจุงาน ซึ่งในปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560-สิงหาคม 2561) มีคนพิการขึ้นทะเบียนหางานกับกรมการจัดหางาน จำนวน 1,979 คน และบรรจุงาน จำนวน 1,565 คน

2. การส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามมาตรา 34 นายจ้าง/สถานประกอบการ ที่มีหน้าที่ต้องจ้างคนพิการ แต่ไม่จ้างหรือจ้างไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด นายจ้าง/สถานประกอบการต้องส่งเงินเข้าโดยตรงที่กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งในปี 2561 มีนายจ้าง/สถานประกอบการส่งเงินเข้ากองทุนฯ จำนวน 14,623 คน (22.49%) (109,500 บาท ต่อ 1 คน/ปี) ในส่วนนี้ กระทรวงแรงงานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

3. ส่งเสริมการมีงานทำให้คนพิการ ตามมาตรา 35 กรมการจัดหางาน โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่เป็นหน่วยงานรับแจ้งการขอให้สิทธิและขอใช้สิทธิตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 และระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้สัมปทาน จัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการ โดยวิธีกรณีพิเศษ ฝึกงาน หรือจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ล่ามภาษามือ หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 โดยมีการดำเนินงานของสำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ ซึ่งได้รับแจ้งการให้สิทธิจากนายจ้าง/สถานประกอบการแล้วจะดำเนินการตรวจสอบ ดังนี้

1) สิทธิที่ให้แก่คนพิการครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบฯ หรือไม่

2) มูลค่าของสิทธิที่ให้แก่คนพิการเป็นไปตามที่กำหนดไว้ระเบียบหรือไม่

3) คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการสามารถรับสิทธิที่นายจ้าง/สถานประกอบการให้ได้หรือไม่ เมื่อตรวจสอบครบถ้วนแล้ว จึงอนุญาตให้นายจ้าง/สถานประกอบการ ให้สิทธิแก่คนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการตามที่แจ้ง จากนั้น สำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ จะส่งสำเนาเอกสารในการให้สิทธิแก่คนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการทั้งหมด ไปยัง สำนักงานการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อติดตามและตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของคนพิการต่อไป

นอกจากนี้ สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร ยังช่วยจับคู่งานระหว่างนายจ้างกับคนพิการ ซึ่งคนพิการขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางานแล้ว 1,979 คน บรรจุงาน 1,565 คน

สำหรับประเด็นการร้องเรียนตามข่าวนั้น พบว่ามีภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 4 ส่วนคือ คนพิการ กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ภาครัฐ เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ กระทรวงแรงงานได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องขึ้น โดยมีรองปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน โดยให้เห็นผลภายใน 15 วัน

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2552 ที่กระทรวงแรงงานได้ส่งเสริมการมีงานทำให้กับคนพิการนั้น พบว่ายังไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องการทุจริตเงินคนพิการแต่อย่างใด

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

Picture of ทศพร โชคชัยผล

ทศพร โชคชัยผล

ทำงานข่าวกว่า 20 ปี มีความสนใจความเปลี่ยนแปลงทางสังคมในหลายมิติ ผ่านประสบการณ์ทำข่าวสายเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล