ชัยภูมิ – หลังสุดทนมานานนับปี พยายามติดต่อสอบถามไปทางตัวแทนบริษัทประกันดังกล่าว กลับไม่ยอมรับผิดชอบบ่ายเบี่ยงมาตลอด จึงตัดสินใจขอที่พึ่งสุดท้าย บุกนั่งรอหน้าห้องขอพบผู้ว่าราชการจังหวัด ยื่นมือช่วย สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยเร็ว คุณยายพร้อมฝากเตือน ปชช.รายอื่นๆ ต่อไปหากจะเซ็นต์ชื่อในเอกสารอะไรควรตรวจสอบให้ดีก่อน ไม่เช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อแบบยายวัย 79 ปี ที่ถูกหลอกในลักษณะนี้ได้อีก!
( 14 พ.ค.63 ) ที่ จ.ชัยภูมิ นางสาม สนิทเชื้อ อายุ 79 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 19 ม.13 บ้านโนนเสาเล้า ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ พร้อมด้วย ลูกสาวและหลานชาย พากันเดินทางมารอที่หน้าห้อง นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ชั้น 2 เพื่อขอความเป็นธรรมให้ ผวจ.ช่วยตรวจสอบหลังถูก ตัวแทนเจ้าหน้าที่บริษัทประกันชีวิต หลอกให้เซ็นต์ชื่อ ในสัญญากู้เงินประกันชีวิตโดยไม่รู้ตัว ซึ่งไม่เคยได้เงินดังกล่าวเลย สุดท้ายกลับมากลายเป็นหนี้เงินกู้ดังกล่าวกว่า 30,000 บาท ขึ้นมาครั้งนี้ได้อย่างไร
ซึ่งแม่เฒ่าวัย 79 ปี ผู้ได้รับความเสียหาย กล่าวว่า เมื่อตั้งแต่ช่วงปี 2546 ได้ทำประกันชีวิต กับบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชัยภูมิ และได้ส่งเบี้ยประกันแบบรายปี มาต่อเนื่องโดยตลอด ซึ่งแบบประกันที่คุณยายทำ คือมีทุนประกันอยู่ที่ 50,000 บาท มีความคุ้มครอง 20 ปี และมีเงินปันผล
จนกระทั่งต่อมาช่วงเมื่อปี 2557 ได้มีตัวแทนประกันชีวิต ได้มาพูดคุยกับยายเพื่อขอดูกรมธรรม์ จากนั้นจึงพายายเดินทางไปที่บริษัท และได้นำเอกสารมาให้ยายเซ็นต์ ซึ่งทางตัวยายก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเอกสารอะไร ทางตัวแทนบริษัทประกัน บอกเพียงแค่ว่าเซ็นต์ก็พอไม่มีอะไร ยายจึงเซ็นต์ไปด้วยความที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย และต่อมาไม่นานก็มีพนักงานนำเงินมาให้ที่โต๊ะตัวแทนประกันคนที่พามาก็เก็บเงินดังกล่าวไป โดยมีการกระทำเช่นนี้ถึง 2 ครั้งด้วยกันในปี 2557 และปี 2558 รวมเป็นเงินกู้ถึง 24,000 บาท และดอกเบี้ยรวมปัจจุบัน อีก 7,000 บาท ที่คุณยาย กลายเป็นผู้ต้องมารับผิดชอบหนี้ก้อนนี้ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยในครั้งนี้ โดยเงินทั้งหมด ไม่เคยได้รับจากบริษัทประกันชีวิตเลยแม้แต่บาทเดียว จึงอยากขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ในครั้งนี้ด้วย
และด้าน นายภัทรกฤต คำมาก อายุ 37 ปี หลานชายยายเล่าว่า ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ตนและครอบครัว ไม่ค่อยได้กลับบ้านมาหายายเนื่องจากต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด จนกระทั่งเมื่อปี 2560 มีใบทวงหนี้มาจากบริษัทประกันชีวิต มาหายายที่บ้านจึงได้รู้ว่ายายได้ถูกหลอกไปเซ็นต์กู้เงินกับบริษัทประกันในครั้งนี้ขึ้น และสร้างความเครียดและความกังวลใจเป็นอย่างมา จากนั้นได้ติดต่อไปที่ตัวแทนบริษัทประกัน คนดังกล่าว ก็ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบและบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จึงตัดสินใจพาคุณยายไปติดต่อที่ คปภ.จังหวัดชัยภูมิ แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการใดได้ และให้ทางผู้เสียหายติดต่อแจ้งเจ้าหน้าที่ดำเนินการกันเอาเอง มาจนปัจจุบันเรื่องนี้ก็ยังไม่คืบต้องเป็นหนี้ดังกล่าวมาตลอด
ซึ่งหลังทางตัวแทนผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ รับทราบเรื่องแล้ว เบื้องต้นทางจังหวัดชัยภูมิ จึงได้สั่งการประสานไปให้ นายสุวิทย์ ถนอมสัตย์ นายอำเภอบ้านเขว้า ประธานศูนย์ดำรงธรรม อำเภอบ้านเขว้า พร้อมด้วยนายอัครา สุวัตถิกุล ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง ( ป.อาวุโส) อำเภอบ้านเขว้า ได้รับเรื่องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวกกับนางสาม สนิทเชื้อ วัย 79 ปี และลูกหลาน ผู้เสียหายครั้งนี้แล้ว
ซึ่งจะได้เชิญผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกส่วน ทั้งผู้จัดการบริษัทประกันคู่กรณี และตัวแทนประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง และให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และ อัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดชัยภูมิ ร่วมตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนอีกครั้ง หากกรณีดังกล่าวต้องเข้าสู้กระบวนการทางกฎหมายก็จะให้ความเป็นธรรมกันทั้งสองฝ่ายโดยเร็วต่อไป
ด้านคุณยายวัย 79 ปี หลังทางผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และนายอำเภอบ้านเขว้า ลงมาช่วยรับเรื่องเองครั้งนี้คุณยายกล่าวขอบคุณทั้งน้ำตาว่า รู้สึกโล่งอกขึ้นมามากขึ้นที่จะได้รับความเป็นธรรมคืนมา ซึ่งตอนแรกไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครได้แล้ว และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ที่ลงมาช่วยเหลือด้วย และอยากฝากไปถึงคนที่ทำประกันหรือจะเซ็นต์อะไรลงไปในสัญญาต่างๆ ควรตรวจสอบให้ดีก่อนด้วย อาจถูกหลอกในลักษณะนี้ได้อีกด้วย
