นครปฐม : อดีตลูกเขยปืนโหด ขอคืนดีเมียเก่าไม่สำเร็จ ใช้อาวุธปืน .22 บุกยิงแม่ยายกับเมียเก่า นึกว่าตายแล้ว จ่อยิงขมับตัวเองหนีความผิด ตายอนาถ ส่วนแม่ยายกับเมียเก่า แพทย์เร่งช่วยเหลือจนอยู่ในอาการปลอดภัย
วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 เวลาประมาณ 11.30 น. ร.ต.อ.ณัฎฐพล นิธิพัฒนโรจน์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รับแจ้งมีเหตุยิงกันตาย ที่บ้านเลขที่ 3/3 หมู่ 5 ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย กองพิสูจน์หลักฐาน ภาค 7 และ มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม
ที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิต นอนเสียชีวิตอยู่ริมถนนใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ ทราบชื่อคือ นายสุวัฒน์ วังมะนาว อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/2 หมู่ที่ 23 ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จ.นครปฐม มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ขมับขวาทะลุขมับซ้าย 1 นัด ข้างลำตัวพบอาวุธปืน ขนาด .22 อีก 1 กระบอก นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลห้วยพลู ไปก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง ทราบชื่อ คือ นางบรรจง พลูชาติ อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นแม่ยาย และ น.ส.อรณัช ซินรัมย์ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นภรรยาผู้ก่อเหตุ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .22 เข้าที่ลำตัว เบื้องต้นแพทย์ได้ทำการช่วยเหลือจนอยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว
จากการสอบถาม น.ส.เอ (นามสมมุติ) ลูกสาวอีกคนของผู้บาดเจ็บ ทราบว่า นายสุวัฒน์ ผู้เสียชีวิต เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ เป็นอดีตสามีของ น.ส.อรณัช ซึ่งเป็นพี่สาว ทั้งสองได้เลิกรากันหลายเดือนแล้ว โดยทั้งสองมีลูกเป็นพยานรักด้วยกัน 1 คน หลังเลิกรากัน น.ส.อรณัช ก็ได้พาลูกกลับมาอยู่บ้านกับ นางบรรจง ผู้เป็นแม่ที่บ้านหลังเกิดเหตุ นายสุวัฒน์ อดีตสามีจึงเกิดความไม่พอใจ ได้แอบมาลักพาตัวลูกกลับไปอยู่กับตนเองที่บ้าน ในพื้นที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และพยายามวนเวียนแวะมาตามง้อขอคืนดี น.ส.อรณัช ภรรยาหลายครั้ง แต่ภรรยาไม่ยอมคืนดีด้วย
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อช่วงสายวันนี้ นายสุวัฒน์ ผู้ตายได้ขี่รถ จยย.มาที่บ้านอีกครั้ง แต่รอบนี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง ชักอาวุธปืนขนาก .22 จ่อยิงแม่ยายและเมียเก่าทันทีจนร่างทั้งสองล้มลง นายสุวัฒน์ เข้าใจว่า แม่ยายและภรรยาเสียชีวิตแล้ว จึงรีบวิ่งหนีออกไปที่ถนน ห่างจากตัวบ้านประมาณ 10 เมตร ใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงขมับตัวเองเสียชีวิต เพื่อหนีความผิดดังกล่าว
เบื้องต้น ร.ต.อ.ณัฎฐพล นิธิพัฒนโรจน์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.นครชัยศรี ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรภาค 7 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเก็บหลักฐานโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
