กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมความพร้อมเปิดแหล่งท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ-วนอุทยาน ทั่วประเทศเน้นย้ำการท่องเที่ยวแบบ New Normal จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว โดยต้องสแกน QR Code ไทยชนะ ตรวจวัดอุณหภูมิ สวมหน้ากากอนามัย และต้องรักษาระยะห่าง เบื้องต้นรอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดวันเปิด
วันที่ 9 มิถุนายน 2563 นายธัญญา เนติธรรมกุล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เตรียมความพร้อม กำหนดมาตรการเพื่อรองรับการเปิดแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานและวนอุทยานทั่วประเทศหลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เพื่อดูแลความปลอดภัยและการบริการนักท่องเที่ยวก่อนจะเตรียมเปิดการท่องเที่ยว 127 แห่ง โดยได้มีการประชุม หน.อุทยาน หน.วนอุทยาน หน.เขตห้ามล่าสัตว์ป่า พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องผ่านระบบ Video Conference ไปแล้วเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เป็นการท่องเที่ยวแบบ New Normal รูปแบบวิถีชีวิตใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า
ในส่วนพื้นที่ จ.เพชรบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีอุทยานและวนอุทยานรวมกัน 14 แห่ง ซึ่งขณะนี้นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี กล่าวว่าในพื้นที่เพชรบุรี-/ประจวบคีรีขันธ์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีการประชุมหัวหน้าอุทยาน หัวหน้าวนอุทยานทั้งหมด ถึงมาตรการต่างๆ ไปแล้ว
โดยอุทยานบางแห่งการที่จะเปิดขึ้นในอนาคต ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีการกำหนดความชัดเจนในสัปดาห์หน้า อีกครั้งว่าจะเปิดวันไหน แต่ทุกอุทยาน- วนอุทยานต้องมีความพร้อม ในด้านต่างๆ ในการเที่ยวอุทยานแบบ New Normal หรือมิติใหม่ของการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ และวนอุทยานต่างๆ
อย่างไรก็ตามบางอุทยานและวนอุทยานบางแห่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม อาจไม่ได้เปิดให้เข้าทั้งหมดเหมือนก่อนที่จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเช่นอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ไม่เปิดในส่วนของการขึ้นไปเที่ยวชมเขาพะเนินทุ่ง ในส่วนอื่นๆ เปิดให้เข้าชมอย่างน้ำตกป่าละอู ในขณะที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย เปิดให้เข้าชมแหล่งท่องเที่ยวทั้งทะเล และถ้ำต่างๆ รวมไปถึงวนอุทยานปราณบุรี แต่ต้องเป็นในรูปแบบ New Normal
สำหรับอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งถูกล่าวขานว่าเป็นซาฟารีเมืองไทย เนื่องจากมีจุดชมสัตว์ป่าซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญ มีทั้งช้างป่า และกระทิง กระจายหากินอยู่ในพื้นที่จุดชมสัตว์ป่ากว่า 600 ตัว โดยแต่ละวัน จะเปิดให้เข้าชมสัตว์ป่าตั้งแต่เวลา 14.00น-18.00 น. โดยมีการปรับรูปแบบเดิมในช่วงที่ยังไม่เกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวไทยชาวต่างชาติเฉลี่ยวันละประมาณ 400 คน เมื่อซื้อบัตรเข้าชมแล้ว มีรถรับนักท่องเที่ยวของชุมชนในพื้นที่พร้อมไกด์รับเข้าไปชมสัตว์ป่าตามจุดต่างๆ โดยในช่วงนั้นนักท่องเที่ยวนั่งรถคันละ 6-10 คน โดยนักท่องเที่ยวคันไหนที่ยังไม่เต็มก็ต้องรอนักท่องเที่ยวจากกรุ๊ปอื่นมาใส่ให้เต็มจึงจะออกรถพาไปชมสัตว์ป่า
แต่หลังจากมีการเปิดท่องเที่ยวอุทยานในอนาคตที่จะถึงนี้ นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี กล่าวว่านักท่องเที่ยวจะต้องมีการโหลด App .ไทยชนะ เพื่อควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยว ทั้งขาเข้าและออกทุกครั้ง ทุกคนเมื่อเดินทางมาถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กร.5 ห้วยลึก เมื่อผ่านการแสกนแล้วก็จะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิ ใช้เจลและแอลกอฮอล์ล้างมือ มีการสวมหน้ากากอนามัยทุกคน หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบไม่สวมหน้ากากอนามัย ก็จะไม่อนุญาตให้เข้าไป รวมไปถึงรถรับนักท่องเที่ยวของชุมชนคนขับก็ต้องทำความสะอาด และสวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งไกด์ของชุมชนด้วย เมื่อเข้าไปชมช้างป่า และกระทิงในแต่ละจุด ก็จะมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ประจำจุดชมสัตว์ป่าตามจุดต่างๆ คอยดูความปลอดภัยและให้คำแนะนำนักท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าไปภายในก็ต้องรักษาระยะห่างของแต่ละคนในการชมสัตว์ป่า ก็คือการไม่ยืนรวมกันเป็นกลุ่มใหญ๋ไม่ให้เกิดความแออัด
ด้านนายรักพงษ์ บุญย่อย หน.อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่าทางอุทยานฯ กุยบุรีมีความพร้อมและเตรียมการในด้านต่างๆ รวมทั้งประชุมชี้แจงชาวบ้าน และไกด์ในพื้นที่ซึ่งให้บริการนักท่องเที่ยวว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร นอกจากนั้นส่วนของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติกุยบุรี (กร.5 ห้วยลึก) ซึ่งเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีลานจอดรถคงยังเป็นจุดเดิมที่ใช้อยู่ ส่วนห้องสุขาก็จะมีการจัดเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการในเรื่องของเบอร์โทรศัพท์ของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณดังกล่าว ว่าจะใช้เบอร์อะไรเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจสอบถามข้อมูลและจองการเข้าชมในแต่ละวัน อย่างไรก็ตามเมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปครบ 200 คนแล้ว ก็จะไม่มีการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเพิ่มเติมอีก แต่กรณีเมื่อนักท่องเที่ยวกลับออกมาก่อน 10-20 คนก่อนเวลา เจ้าหน้าที่ด้านนอกก็สามารถอนุญาตให้นักท่องเที่ยวข้าไปเพิ่มตามจำนวนที่ออกมาได้ ซึ่งถือว่าการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ของอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จะเป็นการท่องเที่ยวในแบบมิติใหม่ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการป้องการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 และเชื่อว่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งปิดไป 3 เดือนเมื่อเปิดแล้วเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะประทับใจกับการชมสัตว์ในธรรมชาติ ของอุทยานแห่งชาติกุยบุรี หรือที่ถูกขนานนามว่าเป็นซาฟารีเมืองไทย
#77ข่าวเด็ดประจวบคีรีขันธ์ (วิมล ทับคง รายงาน)
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: