“พรรคพลังประชารัฐ” ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 29 ก.ย.61 ที่ผ่านมา โดยมี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าพรรค และมีคณะกรรมการบริหารพรรค รวม 25 คน ซึ่งหนึ่งใน 25 คนนี้ ปรากฏชื่อ “ณพพงศ์ ธีระวร” อยู่ในลำดับที่ 12 ในตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค
ประวัติของ ดร.ณพพงศ์ ธีระวร หรือ ดร.เอก ปัจจุบันอายุ 45 ปี เป็นชาวอำเภอรามัน จ.ยะลา จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนสตรียะลา จบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในปี 2536 จบปริญญาโท คณะบริหารธรุกิจ สาขาการตลาด จาก Oklahoma City University ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2541 และจบปริญญาเอก คณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2552
ข่าวน่าสนใจ:
- สุด! ใช้เกาะพิพาทไทย เมียนมาขนยาบ้าหวิดแสน และไอซ์ ไม่รอดมือทหารราชมนู
- ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง! อธิบดีกรมท่าฯ ร่อนนส.ด่วน! แจ้งบอกเลิกสัญญาทิ้งงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารสนามบินตรัง 1.2 พันล.แล้ว…
- “ไพเจน” ส่งจดหมายเปิดผนึกยุติลงชิงนายก อบจ.สงขลา
- ส่งตัว 3 ผู้ต้องหาฝากขัง คดีหนุ่ม 20 ปี ถูกยิงดับบริเวณคูกันช้าง อ้างปืนลั่น จ.สระแก้ว
ดร.ณพพงศ์ ธีระวร เล่าให้ฟังว่า ตัวเขาเองเป็นคนที่ชื่นชอบในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาตั้งแต่เรียนหนังสือ ในช่วงเรียนปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในช่วงปี 2536 ก็ได้รับตำแหน่งเป็น ประธานองค์กรนักศึกษาระหว่างประเทศ(AIESIC) และในช่วงที่ศึกษาปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2540 ก็ได้รับตำแหน่งเป็นประธานนักเรียนไทยใน Oklahoma City University จากนั้นในระหว่างศึกษาปริญญาเอก ก็มีโอกาสได้รับตำแหน่งเป็น ประธานสมาคมส่งเสริม SMEs (ATSME-สงขลา) จ.สงขลา และในช่วงปี 2554-2559 ก็ได้รับตำแหน่งเป็น ประธานหอการค้าจังหวัดยะลา ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน กรรมการหอการค้าไทย ก่อนที่จะมารับตำแหน่งประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย ในปี 2558 และในปี 2561 ก็ได้รับตำแหน่ง รองประธานกรรมการคณะกรรมการความร่วมมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และตำแหน่งประธานร่วมภาคเอกชน คณะทำงานดำเนินงานส่งเสริมช่องทางการตลาด สำหรับศูนย์สาธิตการตลาด และตลาดประชารัฐ ระหว่างกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และยังได้รับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และล่าสุดในตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
ดร.เอก บอกว่า การตัดสินใจลงสนามการเมืองในครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต เนื่องจากตลอดชีวิตที่ผ่านมาตนเองไม่เคยคิดที่จะลงสนามการเมือง แต่ประสบการณ์การทำงานให้กับภาคเอกชนในด้านเศรษฐกิจตลอดระยะเวลา 15 ปี ทำให้ตนเองเข้าใจปัญหาและข้อจำกัดของประเทศ ในการช่วยเหลือคนตัวเล็ก หรือธุรกิจเอสเอ็มอี ในครั้งนี้ตนไม่ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนด้านการเมือง แต่อย่างน้อยจะขอเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันนโยบายเพื่อแก้ปัญหาและปลดล็อคข้อจำกัดต่างๆให้ได้มากที่สุด เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ให้กับพี่น้อง SMEs ที่ถือเป็นกำลังที่สำคัญมากที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ตนเองสัมผัสมาตั้งแต่เกิด ทั้งหมดคือความมุ่งมั่นที่ทำให้ ตนตัดสินใจอย่างแน่วแน่ในการก้าวสู่ถนนการเมืองในฐานะ กรรมการบริหาร ของพรรคพลังประชารัฐ ในวันนี้
“สำหรับแนวทางและความมุ่งมั่นของตนก็จะไม่เปลี่ยนแปลง บทบาทก่อนตัดสินใจทำงานการเมืองคือ การเป็นประธานกรรมการบริหารสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ซึ่งเป็นการทำงานให้พี่น้อง SMEs ทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ เป็นการต่อเชื่อมนโยบายระหว่างภาครัฐให้ไปถึงมือ SMEs ซึ่งเห็นถึงข้อจำกัดในส่วนของกลไกภาครัฐ ดังนั้นแนวทางการทำงานด้านการเมืองของตนจึงเป็นไปตามที่เคยทำมา โดยเพิ่มเรื่องของการพยายามลดข้อจำกัดและช่องว่างระหว่างผู้กำหนดนโยบาย และกลุ่มเป้าหมายคือผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งจากประสบการณ์ก็น่าจะต่อเชื่อมเพื่อลดช่องว่างตรงส่วนนี้ได้ โดยอาจจะต้องปรับตัวตามกรอบกฎหมายที่กำหนดไว้” ดร.เอก กล่าว
ดร.ณพพงศ์ ยังอธิบายให้ฟังอีกว่า หลังจากที่ตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองแล้ว ต้องไม่มีคำว่ากลัว อย่างที่กล่าวไปสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจคือ เรามองเห็นบางครั้งรัฐออกนโยบายมาแล้วตรงต่อความต้องการของประชาชนจริงๆ แต่มันถูกส่งมาถึงมือของประชาชนหรือผู้ประกอบการ SMEs ยากเหลือเกิน ความยากของกระบวนการเหล่านี้ ทำให้ตนซึ่งเป็นกระบอกเสียงของคนตัวเล็กมาตลอดตัดสินใจง่ายขึ้น ว่าควรจะถึงเวลาแล้วที่คนซึ่งรู้เรื่อง เข้าใจ อยู่กับปัญหาของSMEs มาโดยตลอดจะต้องเข้ามาร่วมคิดร่วมทำ และหากมีเราคนเดียวพลังก็คงจะน้อยเกินไป จึงได้ชักชวนเพื่อนๆ หรือคนที่มีความคิดเห็นตรงกัน อยู่ในวงการเดียวกัน เข้ามาช่วยรวมพลังทำงานกับ พรรคพลังประชารัฐ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเรื่องราวดีๆให้ไปสู่มือของพี่น้อง SMEs ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นความกลัว จึงถือเป็นเรื่องที่เล็กมากทันที หากนับกับความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ SMEs
มุมมองความคิดที่อาสาเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ของ “ดร.เอก” นักการเมืองหน้าใหม่ที่เป็นความภาคภูมิใจของคนยะลา จะสำเร็จได้หรือไม่นั้น อีกไม่นานจะได้รู้กัน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: