เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ออกลาดตระเวนขากลับ พบลูกช้างป่ากุยบุรี ล้มกลางบ่อน้ำ ในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ สัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์ พบหัวกระสุน4เม็ด แต่น่าจะล้มจากสาเหตุน้ำท่วมปอด จากข้อมูลพบว่าไม่ถึง 1 เดือน ช้างป่ากุยบุรีล้มแล้ว 3ตัว
วันที่ 12 มิถุนายน 2563 นายรักพงษ์ บุญย่อย หน. อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ขณะเดินกลับจากการลาดตระเวน มาพบซากลูกช้างป่า อายุประมาณ 6-7 ปี เพศผู้ไม่มีงา สภาพขึ้นอืด ล้มอยู่กลางบ่อน้ำ บ่อ 5 อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ม.7 บ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงได้รายงานให้ นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ได้ทราบเพื่อรายงานให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ทราบต่อไป
ข่าวน่าสนใจ:
- ชวน” คลี่ปมขัดแย้งแก้พ.ร.บ.กลาโหม นักการเมือง-ทหาร ไม่ไวใจกันเอง สลับกันแก้หวังกระชับอำนาจ อ้างตัดไฟรปห.แค่ปลายเหตุ ต้นเหตุเพราะนักการเมืองโกง!
- สงขลา"ตลาดหัวลำโพง"สวรรค์การค้าชายแดนไทย-มาเลย์ รุ่งเรืองสุดสู่อนาคตที่อาจมืดดับ
- ตรัง ชาวบ้านสืบสานอนุรักษ์การปลูกข้าวไร่ไว้กินเองครอบครัวเหลือขาย
- ชิง ส.อบจ.เพชรบูรณ์ ส่อเดือด! นักการเมืองรุ่นใหม่ทยอยเปิดตัว ท้าชนแชมป์เก่า
ต่อมานายอานนท์ พร้อมเพรียง นายอำเภอกุยบุรี ,นายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนัน ตำบลหาดขาม , พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.บ้านยางชุม , ร.ต.อ.สมบัติ สำเรียนรัมย์ รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.บ้านยางชุม และ นายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา หัวหน้าโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมสัตวแพทย์หญิงภาวิณี แก้วแกม สัตวแพทย์ศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ตลอดจนสัตวบาล โดยเจ้าหน้าที่ฯนำรถแบคโฮตักซากลูกช้างป่าที่อยู่กลางบ่อน้ำ กลับเข้ามาบนฝั่งทำการผ่าพิสูจน์ และตำรวจพิสูจน์หลักฐานประจวบคีรีขันธ์ เข้าสแกนหาวัตถุโลหะภายในตัวลูกช้าง
ทีมสัตวแพทย์ ได้ผ่าพิสูจน์ซากลูกช้างป่า จนพบกระสุนลูกซอง ขนาด 9 จำนวน 4 เม็ดฝังอยู่ในตัวลูกช้าง จากลักษณะบาดแผลคาดว่าจะถูกยิงมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน เนื่องจากสภาพบาดแผลเก่า มีการสร้างเนื้อเยื่อมาปิดปากแผลแล้วบางส่วน
ซึ่งเมื่อผ่าแล้ว พบจุดที่ 1 ที่บริเวณสะโพกหลังขวา จุดที่ 2 บริเวณสันหลังห่างโคนหาง 40ซม. จุดที่ 3 บริเวณท้องซีกขวา ซึ่งทั้งสามจุดกระสุนอยู่ที่บริเวณชั้นผิวหนัง และจุดที่ 4 ที่บริเวณหลังขาหน้าขวา กระสุนทะลุกระดูกซี่โครง ทางสัตวแพทย์เห็นว่าจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่น่าจะทำให้ลูกช้างป่าบาดเจ็บและมีอาการป่วย ก่อนจะลงบ่อน้ำเพื่อหาน้ำกิน เพื่อระบายความร้อนในร่างกายตามสัญชาติญาณสัตว์ป่าและเกิดจมน้ำ อีกทั้งสัตวแพทย์ตรวจพบว่า มีภาวะน้ำท่วมปอดด้วย ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุการตายของลูกช้างป่าตัวดังกล่าว ส่วนอวัยวะภายใน ไม่สามารถเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อส่งตรวจได้ เนื่องจาก เน่าเสียทั้งหมด จากนั้นเจ้าหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จึงได้ใช้รถแบคโฮขุดหลุมนำซากลูกช้างฝังกลบโดยโรยปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อตามหลักวิชาการด้วย
ด้าน พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผกก.สภ.บ้านยางชุม กล่าวว่าวได้รายงานเรื่องนี้ ให้ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ทราบแล้ว ส่วนแนวทางการสอบสวนนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ขอข้อมูลการครอบครองอาวุธปืนลูกชอง ของพื้นที่ ม.7 บ้านรวมไทย และพื้นที่ใกล้เคียง ของ อำเภอกุยบุรี มาตรวจสอบทั้งหมด และให้รวบรวมข้อมูลประวัติการถูกจับกุม ด้วยอาวุธปืนย้อนหลัง 3ปีในพื้นที่มาตรวจสอบ และให้ให้ตร.สภ.บ้านยางชุม ลงพื้นที่หาข่าว ว่ามีไร่หรือสวนใครที่ใช้อาวุธปืนลูกชองในการเฝ้าไร่บ้าง พร้อมให้ตรวจดูจุดที่ทำห้างเฝ้าไร่ เนื่องจากลักษณะบาดแผลที่พบบนตัวลูกช้างป่าลักษณะเป็นมุงสูง จึงคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะนั่งห้างขณะก่อเหตุยิงลูกช้างป่าด้วย โดยจะเชิญเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี , สัตวแพทย์ ตลอดจนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป
ขณะเดียวกันนายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่พบลูกช้างล้ม อีกทั้งจากการผ่าพิสูจน์พบว่าถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกซอง ขนาด9 แม้ว่าจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ล้มทันที แต่การถูกยิงทำให้เจ็บป่วยและล้มได้ในที่สุด เนื่องจากในพื้นที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยว ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นได้
ที่ผ่านมา ในพื้นที่อำเภอกุยบุรี ไม่พบคดียิงช้างป่านานแล้ว จากนี้คงต้องปรึกษากับนายอำเภอกุยบุรี เพื่อวางมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ซึ่งคงต้องลงพื้นที่สำรวจเป็นข้อมูลและมีข้อห้าม หรือบทลงโทษที่ชัดเจนต่อไป รวมทั้งเรื่องของการใช้รั้วไฟฟ้ากั้นช้างป่าด้วย โดยทางอำเภอกุยบุรีได้มีการประชุมวางมาตรการป้องกันไปแล้วก่อนหน้านี้ หลังจากพบว่ามีบทเรียนจากเหตุช้างป่ากุยบุรี ล้มที่ อำเภอปราณบุรี จากการถูกไฟฟ้าช็อตดังกล่าว
ต่อมานายรักพงษ์ บุญย่อย หน. อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้มอบหมายให้นายจารุวัตร นุชศิริ หน.ฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากร อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านยางชุม เพื่อให้สืบหาบุคคลที่ลงมือใช้อาวุธปืนลูกซองยิงลูกช้างมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวพบว่าในช่วงระยะเวลาไม่ถึง1เดือน พบช้างป่าล้มแล้ว 3 ตัว โดยตัวแรก พบเมื่อวันที่ 29พฤษภาคม 2563 ที่บ้านวังไทร ต.ไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นลูกช้างป่า อายุ 5-7 ปี เพศผู้ งายาว สภาพป่วยผอมโซ ตรวจพบกระสุนลูกซอง ขนาด9 จำนวน2เม็ด ทีมสัตวแพทย์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ผ่า และพันธุ์พืช พยายามรักษาอาการป่วยได้เพียง 3วัน กระทั่งล้มลงเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ตัวที่สอง เป็นช้างป่าขนาดใหญ่ พบซากที่ บ้านท่ากระทุ่น ม.5 ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกกระแสไฟฟ้าจากรั้วกั้นสวนมะม่วงช็อตล้ม ส่วนตัวที่สาม ตัวล่าสุดวันนี้ (12มิถุนายน 2563)เป็นลูกช้างป่า อายุ 6-7 ปี เพศผู้ไม่มีงา มีร่องรอยกระสุนปืน และผ่าพิสูจน์พบกระสุนลูกซองขนาด9 จำนวน 4เม็ด และสัตวแพทย์ระบุสาเหตุน้ำท่วมปอด
# 77 ข่าวเด็ดประจวบคีรีขันธ์
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: