พบซากโลมาหัวบาตร หลังเรียบ 2 ตัว ตายเกยริมเขื่อนท้ายซอยเทศบาลบางปู 128 ตำบลบางปู อำเภอเมือง สมุทรปราการ คาดถูกพายุซัดเข้ามา ด้านเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทย นำซากปลาโลมาทั้ง 2 ตัว กับไปผ่าชันสูตรที่ศูนย์วิจัย
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 18 มิถุนายน 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปู สมุทรปราการ ได้รับแจ้งพบซากโลมา ตายเกยตื้นริมเขื่อนป้องกันน้ำกัดเซาะ ที่ท้ายซอยเทศบาลบางปู 128 ตำบลบางปู อำเภอเมือง สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทย ตอนบนฝั่งตะวันออก และมูลนิธิกู้ภัยบางปู 811 เดินทางเข้าตรวจสอบ
ข่าวน่าสนใจ:
- ร้อยเอ็ด...กบห.โหวดพิฆาตเข้าพบรักษาการพ่อเมืองร้อยเอ็ด ร่วมต้อนรับรัฐมนตรีประจำสำนักฯ เปิดงานเดิน-วิ่งการกุศล ณ อ่างธวัชชัย 30 พ.ย. 67
- ตรัง สับปะรดทอด-ข้าวเม่าทอด ดาวเด่นประจำร้านสมพร รสชาติอร่อย ราคาเป็นกันเอง
- ตรัง จัดใหญ่ 12 วัน งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาดจ.ตรัง 4-15 ธ.ค.นี้ รีแบร์นใหม่! ย้อนยุคงานเหลิมแต่แรก แสดงบินโดรนพิธีเปิด วธ.ทุ่ม 3.4 ล้าน…
- พิธีมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโค-กระบือ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่บริเวณริมเขื่อนท้ายซอยดังกล่าว พบซากโลมาหัวบาตร หลังเรียบ อายุประมาณ 2 ปี ลำตัวยาวประมาณ 1 เมตรเศษ ตายเกยตื้นอยู่ที่บริเวณโขดหินของเขื่อนป้องกันน้ำกัดเซาะชายฝั่ง ห่างออกไปอีกประมาณ 100 เมตร ยังได้พบซากโลมาชนิดเดียวกันอีก 1 ตัว อายุไร่เรี่ยกัน ลอยอยู่ในน้ำริม ซึ่งทั้งสองตัวอยู่ในสภาพขึ้นอึดผิวหนังบางส่วนหลุดลอกจากลำตัว จากการตรวจสอบซากโลมาทั้งสองตัว ไม่พบบาดแผลภายนอกแต่อย่างใด คาดว่าตายมาแล้วหลายวันและน่าจะถูกพายุเมื่อสองวันก่อนซัดเข้ามา จึงได้มอบซากโลมาทั้งสองตัวให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก
โดยนายสัญญา แป้นแย้ม อายุ 36 ปี ชาวบ้านที่มาพบซากโลมา เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าตนมาเดินหาจับปลาที่บริเวณริมเขื่อน ได้พบซากโลมาตัวแรกตั้งแต่เช้าแต่ไม่รู้จะแจ้งใคร จนกระทั่งในช่วงเย็นตนได้มาลงดักปู ห่างจากที่พบซากโลมาตัวแรกเมื่อช่วงเช้าประมาณ 100 เมตร ก็ได้พบซากโลมาตัวที่สองอีก ตอนแรกตนคิดว่าตัวเดียวกันจึงเดินย้อนกลับไปดูตรงจุดที่พบตัวแรก ก็ยังพบว่าซากโลมาตัวแรกก็ยังอยู่ ซึ่งตนเชื่อว่าโลมาทั้งสองตัวน่าจะเป็นโลมาสายพันเดียวกันตัวเท่ากัน
สัตวแพทย์หญิงสุนันทินี พูลสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทย ตอนบนฝั่งตะวันออก กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าซากโลมาทั้งสองตัวน่าจะอยู่ในช่วยวัยรุ่นถึงโตเต็มไว โดยปกติแล้วโลมาชนิดนี้จะอยู่กันเป็นฝูง แต่ถ้าตัวไหนป่วยจะแยกตัวออกมา โดยปกติไม่เคยเจอสองซากพร้อมกัน ดูจากซากแล้วน่าจะตายนานแล้ว และถูกพายุซัดเข้ามา หลังจากนี้จะนำซากโลมาทั้งสองตัวไปผ่าชันสูตรที่ศูนย์วิจัยอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการตายของโลมาดังกล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: