บุกฆ่าโหดสาวใหญ่คาบ้านเช่าที่โกลก ทั้งรัดคอทุบหัวก่อนเชิดเงินและทองหนี
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 19 มิ.ย. 63 ร.ต.ท.ปรินทร์ ลำโณ รองสารวัตรสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนถูกฆ่าเสียชีวิตคาบ้านเช่าเลขที่ 105/101 บ้านซรายอ ม.6 ต.ปาเสมัส จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมเดินทางร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุกับ พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก พ.ต.อ.มานิตย์ ปานทอง นักวิทยาศาสตร์สัญญาบัตร 4 กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยธารน้ำใจสุไหงโก-ลก และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ยืนมุงอยู่ที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้กันชาวบ้านออกห่างก่อนเข้าตรวจสอบ พบศพ น.ส.โรส เปาะมา อายุ 56 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ จ.ปัตตานี นอนคว่ำหน้าอยู่ภายในห้องนอน ซึ่งมีสภาพคล้ายมีการต่อสู้ จนที่นอนและเสื้อผ้ากระจัดกระจาย โดยที่ลำคอมีเส้นเหล็กที่ใช้สำหรับทำที่แขวนเสื้อผ้ารัดอยู่ และบริเวณท้ายทอยมีแผลฉกรรจ์คล้ายถูกของแข็งทุบ จนเลือดไหลนองพื้น และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้พลิกศพของผู้เสียชีวิตขึ้นมา พบธนบัตรเงินสดใบละ 1,000 บาท ที่ผู้เสียชีวิตนอนทับไว้ และจากการสังเกตนิ้วมือของผู้เสียชีวิต คล้ายลักษณะถูกคนร้ายถอดแหวนไป 1 วง ส่วนอีก 1 วง ลักษณะคล้ายถูกคนร้ายพยายามถอดแต่ติดที่บริเวณข้อของนิ้ว ไม่สามารถเอาไปได้
นอกจากนี้ที่บริเวณประตูบ้านคนร้ายได้ใช้ของแข็งงัด โดยโทรทัศน์ของผู้เสียชีวิตยังคงเปิดไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งได้เก็บคราบลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายที่ติดไว้บริเวณประตูทางเข้า และเหล็กใช้สำหรับแขวนเสื้อผ้าที่คนร้ายใช้รัดคอ ก่อนที่จะมอบศพผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยธารน้ำใจสุไหงโก-ลก นำส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะมีการประสานเครือญาติที่อยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อรับศพไปประกอบพิธ๊ทางศาสนา
จากการสอบสวนพยานบุคคลที่อาศัยอยู่บ้านเช่าติดกัน ทราบว่า ในช่วงเวลา 04.00 น. ได้ยินเสียงคล้ายคนต่อสู้กันที่ห้องเช่าของผู้เสียชีวิต แต่คิดว่าเป็นเสียงจากโทรทัศน์ที่ผู้เสียชีวิตเปิดไว้ จึงไม่ได้มีใครเอะใจ จนกระทั่งในช่วงเช้าปกติผู้เสียชีวิตจะออกมาเดินแต่เช้า แต่วันนี้กลับเงียบหายไป จึงได้เดินมาตะโกนที่ประตูบ้านแต่ไม่มีการตอบรับ จึงได้เปิดประตูที่แง้มอยู่เดินเข้าไป พบศพผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่ จึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว
นอกจากนี้พยานบุคคลรายเดียวกันนี้ ได้แจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบว่า ในช่วง 4-5 วัน ก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะถูกคนร้ายฆ่าโหดนั้น ผู้เสียชีวิตได้นำสร้อยคอทองคำไปขายที่ตลาด เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายหลังจากสามีชาวมาเลเซียไม่สามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ แล้วถูกคนร้ายงัดเข้าไปในบ้านเช่าขโมยเงินสดไปจำนวนหนึ่ง ในขณะที่ผู้เสียชีวิตขี่รถ จยย.ไปซื้อของที่ตลาด แต่ผู้เสียชีวิตไม่ติดใจเอาความและไม่ได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด
ด้าน พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ชัดได้ว่าคนร้ายมีความประสงค์ต่อทรัพย์ แต่ผู้เสียชีวิตขัดขืนจึงถูกคนร้ายฆ่าเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม ส่วนคนร้ายนั้นคาดว่า น่าจะเป็นคนเดียวกับที่ก่อเหตุบุกงัดบ้านเข้าไปขโมยเงินสด ซึ่งอาจจะเป็นคนที่รู้จักกับผู้เสียชีวิตด้วยซ้ำ เพราะไม่เช่นนั้นคนร้ายจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ตายมีทรัพย์สินเป็นเงินสด ที่เพิ่งจะไปขายสร้อยคอทองคำ ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ไม่เกินความสามารถที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ข่าวน่าสนใจ:
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: