ชัยภูมิ – วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยล้างสีออก เพื่อทางสีใหม่ให้คงกลับสภาพสีดั่งเดิม เพื่อไม่ให้โบสถ์เก่าแก่ของชุมชนมีอายุเก่าแก่นับ 205 ปี ต้องสูญหายไปในครั้งนี้ด้วย พร้อมขอโทษทุกฝ่ายที่ทำลงไปไม่มีเจตนาจนทำให้ของโบสถ์เก่าแก่เสียหาย เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่ชอบเห็นไม่เหมาะสมก็พร้อมแก้ไข หลังถูกชาวโลกโซเซียลกระหน่ำยับ!
( 21 มิถุนายน 2563 ) ผู้สื่อข่าวมีรายงานความคืบหน้าล่าสุด หลังลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หลังมีประชาชน ชาวโลกโซเชียลมีการแชร์ภาพและวิพากษ์วิจารณ์การบูรณะโบสถ์เก่าแก่ มีอายุนับ 100 ปี ของวัดแห่งหนึ่ง หลังสมาชิกเฟชบุ๊ค ชื่อ ตา ตีบ ได้โพสต์ภาพโบสถ์ พร้อมระบุข้อความว่า ก่อนและหลังบูรณะเป็นไงบ้างครับ สวยไปเลยใช่ไหมครับเบิดคำสิเว้า อย่าหาทำ…
และมีประชาชนต่างนำไปแชร์ว่อนสนั่นโลกโซเชียลในขณะนี้ เพื่อวอนให้มีผู้มีความรู้ด้านอนุรักษ์ลงมาดูแลด้วย เสียดายความงามของโบราณที่ควรค่าแก่การเก็บรักษาให้ลูกหลานได้ศึกษา โบสถ์เก่า (สิม) ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านแก้ง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ มีรายชื่อรวบรวมโดยกรมศิลปากร แต่ยังไม่ขึ้นทะเบียน
ล่าสุดทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนางกาเหว่า อ่อนโคกสูง อายุ 54 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยดำเนินงาน ส.ส.พรเพ็ญฯในพื้นที่วัดที่เกิดกรณีดังกล่าวขึ้น เล่าให้ฟังว่า จากกรณีดังกล่าวพบว่าโบสถ์หลังเดิมได้มีการเปลี่ยนแปลงคือจากสีเดิม แต่ไม่ได้ก่อสร้างใหม่ มีเพียงการปะผุตรงที่ชำรุด และทำหลังคาครอบไว้ขึ้นให้ใหม่เท่านั้น นอกจากนี้มีเพียงการทำสีที่เปลี่ยนไปจากเดิม ด้านชาวบ้านส่วนใหญ่อยากให้เจ้าอาวาสเปลี่ยนสีที่ไม่ควรใช้สีหวานแหววสีชมพูขนาดนี้ เพื่อให้กลับมาใช้สีเดิมและคงสภาพเก่าแก่มาแต่โบราณไว้
ส่วนทางนายสมาน ดาวช่วย อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านแก้ง หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแก้ง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าอาวาสวัดได้ของบจากทางสำนักพุทธฯ เพื่อมาซ่อมแซมในช่วงโควิด-19 ระบาด โดยได้งบประมาณมากว่า 2 แสนบาท และทำการทำนุบำรุงซ่อมแซมโบสถ์ดังกล่าว จนกระทั้งแล้วเสร็จ แต่มาพบว่ามีการมาถ่ายภาพจากเดิมเปรียบเทียบกับภาพใหม่ จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการทาสีโบสถ์เป็นจำนวนมากในครั้งนี้ที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้น ซึ่งชาวบ้านทั้งหมดในขณะนี้ต้องการอยากให้โบสถ์กลับมาใช้สีเดิมที่เคยมีมามากกว่า
ซึ่งล่าสุดเองทางด้าน พระครูสุธรรมมะโครต (สนั่นศาสตร์มุนี) เจ้าอาวาส วัดแจ้ง หมู่ที่ 1 บ้านแก้ง ตำบลบ้านแก้ง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า หากทางเจ้าอาวาสทำผิดหรือทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ เจ้าอาวาสก็พร้อมจะแก้ไข ทำสีให้กลับมาเหมือนสีเดิมสภาพเดิม ซึ่งพร้อมจะล้างสีใหม่ออกทั้งหมดเพื่อให้เกิดความสบายใจ และอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเข้ามาดำเนินการเพื่อไม่ให้โบสถ์โบราณ ที่มีอายุกว่า 205 ปี หลังนี้ต้องสูญหายไปอีกต่อไปด้วย
ล่าสุดด้าน นายรัชฎ์ ศิริ นายช่างศิลปกรรมชำนาญงาน และนายวรรณพงษ์ ปาละกะวงษ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ในช่วงเช้าวันนี้ก็ได้ลงพื้นที่วัดดังกล่าว เพื่อตรวจสอบ พร้อมเปิดเผยว่า ก็เป็นสิ่งน่าเสียดายที่มีการทาสีที่ไม่เหมาะสมจนเกิดการเรียกร้องจากคนในพื้นที่ให้ทางวัดช่วยแก้ไข ซึ่งทางวัดเองก็พร้อมจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาล้างลบสีชมพูดังกล่าวออก
แต่ก็ต้องมีขั้นตอนที่ต้องให้หน่วยงานต่าที่เกี่ยวข้องลงมาช่วย เพราะการซ่อมแซมของทางวัดเองครั้งนี้ ทำผิดพลาดไปมาก ที่ไม่ใช่แค่จะล้างสีออกแล้วทางใหม่ได้ง่ายๆ เพราะบางส่วนที่มีการทาสีมีการฉาบปูนไปแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะบูรณะให้กับคืนสภาพเดิมได้ ต้องมีส่วนทางหน่วยช่างเชี่ยวชาญ และหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยเพื่อกระเทาะปูนที่ฉาบลงไปก่อนทาสีออก ซึ่งจากนี้ไปจะต้องใช้เวลาอีกมากพอสมควรกว่าจะฟื้นฟูเปลี่ยนสีโบสถ์เก่าแก่แห่งนี้ให้กลับคืนสภาพเดิมได้ต่อไป ซึ่งโบสถ์แห่งนี้มีอายุเก่ากแกว่า 205 ปี ที่อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปกากร ที่ยังขึ้นทะเบียนไม่แล้วเสร็จ แต่อาคารสถานที่เก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณก็มีหลักกฏหมายที่มีในปัจจุบันกับกำดูแลอยู่แล้ว ซึ่งต่อไปก่อนที่วัด หรือสถานที่ต่างๆที่มีสถานที่เข้าข่ายเป็นโบราณสถานก็ควรจะใช้ความสำคัญในการที่จะซ่อมแซมหรือบูรณะ ก็ควรช่วยกันระมัดระวังช่วยกันให้มากขึ้นด้วย
