นครพนม – คดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือศรีบุญหอม อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครูใน จ.สกลนคร ที่ถูกพนักงานอัยการจังหวัดนครพนมเป็นโจทก์ฟ้องในคดีอาญาเลขที่ 295/60 ข้อหาซ่องโจร และความผิดเกี่ยวกับเอกสารฯลฯ มีจำเลยร่วมอีกจำนวน 9 คน ประกอบด้วย 1.นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง เพื่อนคนสนิท 2.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ 3.นางทองเรศ วงศ์ศรีชา พยานที่นั่งซ้อนท้าย จยย.มากับนางทัศนีย์ 4.นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีของนางจอมทรัพย์ 5.นายเสน่ห์ สุพรรณ เพื่อนสนิทอีกคนของนางจอมทรัพย์ 6.นางรจนา จันทรัตน์ เจ้าของฉายานักสืบโซเซียล 7.น.ส.วาสนา เพ็ชรทอง หลานสาวผู้วิ่งเต้นด้านเอกสารระหว่างนางจอมทรัพย์ต้องโทษ 8.นายสับ วาปี ผู้อ้างว่าเป็นคนขับรถ และ 9.นางจันทร์ วาปี
โดยนายสับกับนางจันทร์สองผัวเมีย รับสภาพในข้อหาเบิกความเท็จ และแจ้งความเท็จ ศาลฯจึงแยกสำนวนออกมาเป็นคดีหมายเลขดำที่ 290/2561 และคดีหมายเลขแดงที่ 4645/2561 โดยอัยการจังหวัดฯเป็นโจทก์ยื่นฟ้องสองผัวเมียในข้อหา ซ่องโจร ความผิดต่อเจ้าพนักงาน และความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ซึ่งศาลฯได้นัดจำเลยทั้งสองมาฟังคำพิพากษา ในวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา
ข่าวน่าสนใจ:
- นนทบุรี กระบะเลี้ยวตัดหน้า จยย.พุ่งชน ร่างหนุ่มชาวลาวลอยก่อนตกกระแทกพื้นดับ
- เพชรบูรณ์ - "ครอบครัวศรีประโค" บริจาคกระจกตาพ่อที่เสียชีวิต หวังช่วยให้ผู้อื่นกลับมามองเห็น
- หญิงไทยเสียชีวิตปริศนา แฟนต่างชาตินอนอยู่กับศพ 3 วัน ตำรวจเร่งสอบหาสาเหตุ
- มุกดาหาร แรลลี่ลุ่มน้ำโขง MEKONG CAR RALLY ท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดสนุก ปชส. จังหวัดทั้ง 3 รับนักท่องเที่ยวปีใหม่
ศาลจังหวัดนครพนมออกนั่งบัลลังก์แล้ว มีคำพิพากษาว่า นายสับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด กฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน จำคุก 2 เดือน ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนฯ และฐานร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันยเป็นลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานฯ จำคุก 6 เดือน ฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล จำคุก 3 ปี ฐานซ่องโจร 1 ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เฉพาะฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีคดีอาญาต่อศาล เป็นจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งเหลือจำคุกกำหนด 2 ปี 10 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172(เดิม) และ 267(เดิม) ประกอบมาตรา 93,177 วรรคสอง(เดิม) มีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มตรา 91 ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคดีอาญาแก่พนักงานสอบสวน จำคุก 6 เดือน ฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 9 เดือน โดยศาลพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยที่ 2 ประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีอายุมาก อีกทั้งมีปัญหาด้านสุขภาพ ไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดมาก่อน แต่จำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ เนื่องจากเห็นแก่อามิสสินจ้างเพื่อประโยชน์ของตนเองฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่เกิดขึ้นต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตามพฤการณ์นับเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุอันควรรอการลงโทษจำคุก หลังสิ้นคำพิพากษานายสับและนางจันทร์ได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เพื่อจะขอความเมตตาในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: