ยักยอกเงินสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยอดพุ่งเป็น 39.2 ล้าน ตรวจสอบพบปลอมเช็ค 78 ครั้ง
จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ ตำแหน่งพนักงานการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยักยอกเงินจำนวน 33.9 ล้านบาท และถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด ช่วงเย็น วันนี้ (วันที่ 29 มิถุนายน 2563) ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถนนสวนสน-อ่าวน้อย นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายธีรพันธ์ นันทกิจ นายภิรมย์ นิลทยา นายคมสัน เจริญอาจ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายกิตติพงษ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัด น.ส.เกศริน ภัทรเปรมเจริญ คลังจังหวัด พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมแถลงข่าว กรณีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดยักยอกเงินจำนวน 33.9 ล้านบาท จากการกระทำความผิดปลอมแปลงเอกสาร และนำเงินงบประมาณทางราชการ ออกจากระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเลคทรอนิกส์ หรือ GFMIS แล้วโอนผ่านบัญชีตนเองไปหลายบัญชี พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาดำเนินคดี อาญาที่ 250/2563 สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ และศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไม่อนุญาติให้ประกันตัว ฝากขังที่เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน แล้วนั้น
ข่าวน่าสนใจ:
- บ้านใหญ่พรรคเพื่อไทยเชียงราย เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.พร้อมกับนำทีมผู้สมัคร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ทั้ง 36 เขต ในนามพรรคเพื่อไทย
- สอ.สามัญศึกษาเพชรบูรณ์ประชุมใหญ่ โชว์กำไร 52 ล้าน พร้อมเลือกตั้งกรรมการและผู้ตรวจสอบกิจการ
- นครพนม: เลขาธิการ ป.ป.ส. และ มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 ประชุมสรุปผลรอบ 3 เดือน โชว์ผลงานยึดยาบ้ากว่า 45 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
- “ปลายฝน ต้นหนาว เคาท์ดาวน์ มิวสิคเฟส สุราษฎร์ธานี” ไฮไลท์ประกวดควายไทยมูลค่ากว่า 10 ล้าน
ต่อมา คณะสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ และตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการกระทำผิด ใช้โอกาสที่ตนได้รับความไว้วางใจจากผู้ถือบัตรในการเข้าระบบ เบิกจ่าย เพื่อสร้างข้อมูลในระบบ ส่งไปยังคลังจังหวัดพิจารณาอนุมัติเบิกจ่าย จากนั้น ข้อมูลจะถูกส่งไปกรมบัญชีกลางเพื่อจ่ายเงินเข้าบัญชีหลักของผู้ขายโดยตรง ในกรณีนี้เบิกจ่ายเข้าบัญชีญาติ เป็นจำนวนเงิน 33,615,700 บาท
ผู้ต้องหานำสมุดเช็คไปปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่าย ซึ่งต้องใช้ผู้ลงนามอนุมัติสองในห้าคน เรียกเก็บเงินจากธนาคาร ผ่านบัญชีสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเงินจำนวน 5,955,451,50 บาท โดยเงินส่วนหนึ่งสั่งจ่ายไปยังบัญชีญาติ 2 คน รวมการกระทำผิดจำนวน 166 ครั้ง รวมเป็นเงิน 39,951351,50 บาท จากนั้นได้โอนเงินกระจายเข้าสู่บัญชีตนเองจำนวน 14 บัญชี และตรวจสอบพบว่าเงินไหลเวียนไปยังบัญชีที่ผูกไว้กับเว็บไซต์การพนันออนไลน์
มีความผิดฐาน 1.เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 2. เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยที่ตนมีหน้าที่นั้น 3.มีความผิดฐานลักทรัพย์เป็นเงินของทางราชการโดยใช้กลอุบาย 4.ความผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน 5.ความผิดฐาน ปลอมเอกสารสิทธิ์อันเป็นเอกสารทางราชการ และใช้เอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการที่ได้ปลอมขึ้น
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีปลัดจังหวัดเป็นประธาน พบว่ามีการตั้งคนในสำนักงานจังหวัดจำนวน 3 ใน 5 ราย ทำให้เกิดความคลางแคลงถึงความโปร่งใสในการตรวจสอบ ผู้ว่าราชการจังหวัด จึงเปลี่ยนชุดคณะกรรมการตรวจสอบใหม่ทั้งชุด โดยใช้บุคคลภายนอกหน่วยงาน
และในวันพฤหัสนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจากกระทรวงมหาดไทย จะร่วมทำการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย
สำหรับความเสียหายทางราชการ 39.2 ล้านบาท มาจาก งบเงินฝากคลัง หรือเงินประกันสัญญา 9.6 ล้านบาท เงินแก้ไขปัญหา หรือเงินภัยแล้ง 23.6 ล้านบาท งบจังหวัด 5.9 ล้านบาท เงินอื่น ๆ 2.5 ล้านบาท รวมแล้วประมาณ 39.2 ล้าน
นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้พบยอดเงินในการทุจริตเพิ่มจาก 33.9 ล้านบาทเป็น 39.2 ล้านบาท จากการใช้ระบบออนไลน์ทำข้อมูลเท็จโอนเงินเข้าบัญชีมารดาและญาติ พร้อมปลอมลายมือผู้มีอำนาจจากบัญชีเช็คงบประมาณจังหวัด สั่งเบิกจ่ายเงินสดจากธนาคารกรุงไทย พบความผิดตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 ต่อเนื่องถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2563 เนื่องจากได้รับแจ้งจากธนาคารกรุงไทยว่าเจอเช็คเด้งจากสำนักงานจังหวัด จำนวน 120,000 บาท ซึ่งสั่งจ่ายหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ขณะที่ทางราชการได้อายัดเงินคืนได้เพียง 7 แสนกว่าบาท พร้อมสั่งให้ลูกจ้างออกจากราชการ
“ ปัญหาเกิดจากผู้มีอำนาจในหน่วยงานปล่อยปละละเลย ปล่อยให้ลูกจ้างทำงานโดยพลการ เนื่องจากเห็นว่าเชี่ยวชาญในระบบ ไอที. และหากผลการสอบสวนพบปัญหาจากการเบิกจ่ายที่ทำให้มีการทุจริต เกิดจากความบกพร่องของข้าราชการรายใด ก็จะต้องรับผิดชอบทั้งทางวินัยและชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิด ตามอำนาจหน้าที่ได้รับมอบหมาย
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด กล่าวว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร โดยประสาน ปปง.ให้ช่วยติดตามเงินที่โอนไปเว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะการนำเงินไปฝากไว้ในเว็บเพื่อถอนคืนในภายหลัง หากพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ใดก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมติดตามเส้นทางการเงินที่โอนให้เครือญาติ แต่ขณะนี้ยังไม่ออกหมายจับบุคคลใดเพิ่มเติม
/////////////////
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: