สำหรับพฤติการณ์โหดเหี้ยมของแม่เลี้ยงรายนี้ ได้ถูกนำเผยแพร่ในสื่อโซเซียล ว่า มีเด็กชายวัย 14 ปี ได้หนีหัวซุกหัวซุนจากบ้านพักของพ่อแท้ๆและแม่เลี้ยง ที่จังหวัดปทุมธานี มาอยู่กับแม่แท้ ๆ ที่จังหวัดระยอง หลังจากทนต่อการกระทำอันโหดเหี้ยมของแม่เลี้ยงไม่ไหว น้องโอม ได้เล่าความโหดเหี้ยมของแม่เลี้ยง ให้ฟังว่า แม่เลี้ยงชอบทำร้ายร่างกายทำทารุณกรรมทุบตีด้วยความโหดเหี้ยมมานานร่วม 7 ปี ทั้งเตารีดที่ร้อน ๆ นาบที่แขนใช้คีมหนีบนิ้วเท้า และคีมหนีบริมฝีปากจนปากแหว่ง ใช้ของแข็งทุบตีศีรษะจนแตกเลือดอาบ อีกทั้งถูกแม่เลี้ยงใจยักษ์รายนี้บีบคอจนสลบ และการกระทำของแม่เลี้ยงโหดทุกครั้ง พ่อแท้ ๆ ซึ่งเป็นข้าราชการทหารเรือได้รู้เรื่องมาตลอดแต่ไม่เคยห้ามปรามหรือให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด ยังคงปล่อยให้แม่เลี้ยงใจยักษ์ทำร้ายทุบตีมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านนางนฤกมลวรรณ ฉาบพลอย ผู้เป็นแม่ ได้เล่าให้ฟังว่า ได้แยกทางกับสามีที่เป็นพ่อของเด็ก ซึ่งรับราชการเป็นทหารเรือมานานร่วม 10 ปีแล้ว โดยมีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นหญิง 1 คน และชาย 1 คน และลูกทั้ง 2 ได้อยู่กับพ่อ และก่อนหน้านี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ลูกสาวได้ถูกแม่เลี้ยงรายนี้ทุบตีทำร้ายจนทนไม่ได้หนีมาอยู่กับตนไปครั้งหนึ่งแล้ว ก่อนที่ลูกชายจะถูกแม่เลี้ยงใจเหี้ยมรายนี้ทำร้ายจนทนไม่ได้หนีออกจากบ้านมาเป็นรายที่ 2 ซึ่งนางนฤกมลวรรณ บอกว่า เมื่อพบหน้าลูกชายและถอดเสื้อผ้าออกมาพบเห็นบาดแผลเต็มตามร่างกายตนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว กอดลูกร้องไห้โฮทันที และไม่เชื่อว่าพ่อแท้ๆของลูกจะปล่อยให้แม่เลี้ยงมาทำร้ายรังแกลูกในไส้ของตัวได้ถึงขนาดนี้ พร้อมยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ดีหลังจากเป็นข่าวได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งนายอำเภอบ้านฉาง เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยอง ได้ยื่นมือเข้าดูแลและให้ความช่วยเหลือกับเด็กชายรายนี้แล้ว โดยขณะนี้ทางมูลนิธิปวีณา หงสกุล ได้ยื่นมือเข้าให้การช่วยเหลือพร้อมทั้งจัดส่งเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิไปรับสองแม่ลูก เพื่อนำตัวไปแจ้งความดำเนินคดีกับแม่เลี้ยงใจยักษ์และผู้รู้เห็นในการ กระทำการที่โหดเหี้ยมในครั้งนี้ต่อไป
